รอยเตอร์/เอเอฟพี/MGR Online - ประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ เมื่อวันพฤหัสบดี (18 ก.พ.) เปิดเผยว่าจะเดินทางเยือนคิวบาในวันที่ 21 และ 22 มีนาคมนี้ และพบปะกับประธานาธิบดี ราอูล คราสโตร นับเป็นผู้นำอเมริกาคนแรกที่จะเยือนประเทศแห่งนี้ในรอบเกือบ 90 ปี ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างอดีตสองชาติคู่อริเริ่มเป็นมิตรขึ้น
“ในเดือนหน้าผมจะเดินทางไปยังคิวบาเพื่อสานต่อความคืบหน้าและความพยายามต่างๆ ที่สามารถส่งเสริมชีวิตของประชาชนชาวคิวบา” โอบามาโพสต์ลงบนทวิตเตอร์
โอบามากล่าวว่า ในขณะที่สหรัฐฯ ยังคงมีความเห็นต่างกับคิวบา แต่ก็มีความคืบหน้าอย่างมากในการคืนสู่ความสัมพันธ์ระดับปกติกับอดีตศัตรูสมัยสงครามเย็น หลังจากทั้งสองชาติสร้างความประหลาดใจเมื่อเดือนธันวาคม ปี 2014 ด้วยแถลงว่าจะเคลื่อนไหวฟื้นฟูความสัมพันธ์กัน
“เมื่อ 14 เดือนก่อน ผมแถลงว่าเราจะเริ่มคืนสัมพันธ์ระดับปกติกับคิวบา และเรามีความคืบหน้าอย่างมาก” โอบามาระบุ พร้อมบอกว่าเขาจะเดินทางเยือนประเทศคอมมิวนิสต์เพื่อนบ้าน ถ้าทริปดังกล่าวได้มีโอกาสได้พบปะกับเหล่าผู้เห็นแย้งทางการเมืองด้วย
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ รายนี้ระบุต่อว่า “เรายังคงมีความเห็นต่างกับรัฐบาลคิวบา แต่ผมจะหยิบยกขึ้นมาพูดตรงๆ ว่าอเมริกาจะยืนหยัดต่อสิทธิมนุษยชนทั่วโลกเสมอ”
ด้านนายเบน โรดส์ รองที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของโอบามา โพสต์ลงบนเว็บบล็อกอีกอันว่า ระหว่างการเดินทางเยือนคราวนี้ โอบามาจะมีโอกาสพบปะกับนายราอูล คราสโตร
ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่เผยเมื่อวันพุธ (17 ก.พ.) ว่าคิวบาจะเป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมเยือนเหล่าประเทศแถบละตินอเมริกาของโอบามา ขณะที่การเดินทางเยือนคิวบาของโอบามาจะทำให้เขากลายเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนแรกที่เดินทางไปยังเกาะแห่งนี้ขณะยังคงดำรงตำแหน่ง นับตั้งแต่การปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองของคิวบาในปี 1959
ผู้นำสหรัฐฯ รายนี้วางการยุตินโยบายโดดเดี่ยวคิวบาคือความสำเร็จด้านนโยบายการต่างประเทศลำดับต้นๆ และแสดงท่าทีชัดเจนมาตลอดว่าเขาปรารถนาเยือนเกาะแห่งนี้ขณะที่ใกล้สิ้นสุดวาระการดำรงตำแหน่ง
ทั้งสองประเทศฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตในเดือนกรกฎาคม 2015 ตามหลังบรรลุข้อตกลงประวัติศาสตร์แสวงหาความสัมพันธ์อันปกติเมื่อเดือนธันวาคม ปี 2014 และนับตั้งแต่นั้นก็มีการเปิดความสัมพันธ์ในด้านต่างๆ ยกเว้นแต่มาตรการคว่ำบาตรทางการค้าของสหรัฐฯ ที่กำหนดต่อคิวบาที่มีมานานเกือบครึ่งศตวรรษ ที่โอกาสได้รับการยกเลิกนั้นมีแค่เล็กน้อย เนื่องจากสภาคองเกรสอยู่ภายใต้การควบคุมของรีพับลิกัน