เอเจนซีส์/ASTVผู้จัดการออนไลน์ - นม ไข่ ข้าวโพด และถั่วเหลือง อยู่ในรายชื่อที่องค์การอาหารและยาสหรัฐฯ FDA จะเริ่มตรวจหาสารเคมีตกค้าง ไกลโฟเซต (glyphosate) ซึ่งเป็นสารเคมีสำคัญในเคมีภัณฑ์ปราบวัชพืช “ราวน์อัพ” ของบริษัทมอนซานโต สหรัฐฯ ที่ก่อนหน้านี้องค์การอนามัยโลก WHO ได้ออกมายืนยันว่าสารเคมีชนิดนี้เชื่อมโยงไปถึงโรคมะเร็ง โดยมีรายงานว่าหน่วยงานแห่งนี้โดน สตง.สหรัฐฯ เล่นงานอย่างหนัก และถูกตรวจสอบอย่างต่อเนื่องหลังไม่ยอมตรวจหาสารเคมีตกค้างของมอนซานโต
RT สื่อสหรัฐฯ รายงานวันนี้ (18 ก.พ) ว่า องค์การอาหารและยาสหรัฐฯ FDA มีแผนที่จะตรวจสอบหาสารเคมีตกค้างไกลโฟเซต (glyphosate) ซึ่งเป็นสารเคมีสำคัญในเคมีภัณฑ์ปราบวัชพืช “ราวน์อัพ” ของบริษัทมอนซานโต สหรัฐฯ ในผลิตภัณฑ์อาหารต่างๆ ที่เชื่อว่ามีการตกค้างของสารชนิดนี้เนื่องมาจากปศุสัตว์ได้กินอาหารสัตว์ เป็นต้นว่า ถั่วเหลือง และข้าวโพด ที่ผลิตมาจากพืชการเกษตรที่ใช้ผลิตภัณฑ์ปราบวัชพืช “ราวน์อัพ” ของบริษัทมอนซานโต และทำให้เกิดการตกค้างขึ้น
โดยสื่อรัสเซียรายงานว่า ในขณะนี้สารเคมีไกลโฟเซตไม่อยู่ในการคุ้มครองด้านลิขสิทธิ์แล้ว และเป็นสารเคมีที่ถูกใช้งานอย่างแพร่หลายไปทั่วโลกโดยการสนับสนุนของมอนซานโต
ทั้งนี้ ลอเรน ซูเชอร์ (Lauren Sucher) โฆษกของ FDA ได้กล่าวยืนยันในเรื่องนี้กับสื่อผลิตภัณฑ์อาหารอเมริกา Civil Eats ว่า “ในขณะนี้ทางหน่วยงาน FDA กำลังพิจารณาถึงตารางงานประจำปีงบประมาณ 2016 ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นการตรวจหาสารตกค้างไกลโฟเซตในผลิตภัณฑ์นม ไข่ ข้าวโพด และถั่วเหลือง และรวมไปถึงผลิตภัณฑ์อาหารอื่นๆ”
โดยในปี 2013 สำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมสหรัฐฯ EPA ได้อนุญาตตามคำขอของมอนซานโตในการเพิ่มระดับสารเคมีไกลโฟเซตในผลิตภัณฑ์เคมีทางการเกษตรของตัวเอง ซึ่งในเดือนมีนาคม 2015 องค์การอนามัยโลก WHO ได้ออกมายืนยันว่าสารเคมีชนิดนี้เชื่อมโยงไปถึงการเกิดโรคมะเร็ง
และนอกจากนี้ยังพบว่า ในการวิจัยของบริษัทเอกชน มหาวิทยาลัย และกลุ่มปกป้องผู้บริโภค พบว่ามีสารไกลโฟเซตตกค้างอยู่ในอาหาร ได้แก่ น้ำผึ้ง ซีเรียลอาหารเช้า แป้งสาลี ซีอิ๊ว อาหารทารก และนมจากมารดา
RT ชี้ว่า เหตุที่ FDA จำเป็นต้องพิจารณาการตรวจหาสารเคมีตกค้างของมอนซานโต เพราะพบว่าก่อนหน้านี้ในปี 2014 FDA สำนักงานตรวจเงินแห่งชาติสหรัฐฯ GAO ตรวจพบความผิด และได้ตำหนิอย่างรุนแรงที่ไม่ยอมตรวจหาสารตกค้างไกลโฟเซต ซึ่งเป็นความล้มเหลวของทาง FDA ที่ทาง GAO ตรวจสอบพบร่วมกับความผิดพลาดอื่นๆ ที่สำนักงานแห่งนี้ได้ก่อขึ้น
และทำให้ในเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้ GAO จะทำการประเมิน FDA อีกอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ไม่เป็นที่น่าแปลกใจว่าสำนักงานรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ทั้ง EPA และ FDA เกี่ยวพันกับมอนซานโตอย่างลึกซึ้ง ซึ่งเป็นที่น่าสนใจ เมื่อพบว่า ไมเคิล เทย์เลอร์ (Michael Taylor) ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ FDA คนปัจจุบันเคยเป็นคนของมอนซานโต ดำรงตำแหน่งเป็นถึงรองประธานบริหารของมอนซานโต บริษัทผลิตภัณฑ์เคมีการเกษตรยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ
โดยเทย์เลอร์ได้รับการแต่งตั้งจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา ในปี 2009 ให้ขึ้นเป็นผู้ช่วยผู้บริหารหน่วยงานกำกับด้านอาหารและยาอเมริกา ที่มีความสัมพันธ์กับบริษัทมอนซานโตอย่างช่วยไม่ได้
และในปีนี้ที่จะมีตำแหน่งผู้อำนวยการ FDA ว่างลงจากการรายงานของอีสต์เคาน์ตีแมกกาซีนในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เป็นอีกครั้งที่โอบามาได้เสนอชื่อคนที่มีความเกี่ยวพันเชิงผลประโยชน์ทับซ้อนให้เข้าดำรงตำแหน่งระดับสูง
โดยพบว่า ดร.โรเบิร์ต คาลิฟฟ์ ( Dr. Robert Califf) ได้รับการเสนอชื่อจากประธานาธิบดี บารัค โอบามา ให้ขึ้นดำรงตำแหน่งสูงสุดของ FDA แต่ทว่าชายผู้นี้ถูกหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์เปิดโปงว่ามีความเกี่ยวพันกับบริษัทยายักษ์ใหญ่ในสหรัฐฯ อย่างลึกซึ้ง มากกว่าบรรดาผู้บริหารของ FDA ในอดีตที่เคยมีมาทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม การอนุมัติการดำรงตำแหน่งผู้บริหาร FDA จะต้องผ่านการเห็นชอบจากรัฐสภาคองเกรสสหรัฐฯ ก่อน
