เอเจนซีส์/รอยเตอร์ - เป็นเพราะราคาสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทคอมโมดิตีในตลาดโลกตกอย่างหนัก รวมไปถึงรายได้จากการขายเคมีภัณฑ์ เช่น ยาฆ่าหญ้า ราวด์อัพ ไกลโฟเซต 48 ตกไปถึง 12% ทำให้บริษัทเคมีภัณฑ์ทางการเกษตรและผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์พืชยักษ์ใหญ่สหรัฐฯ “มอนซานโต” ประกาศเลิกจ้างงาน 12% หรือจำนวน 2,600 คน เพื่อประหยัดเงิน 400 ล้านดอลลาร์ต่อปี หลังจากทำผลประกอบการกำไรลดลง
RT สื่อรัสเซีย รายงานวันนี้ (8) ว่า ดูเหมือนการประกาศปลดพนักงานประจำลง 12% หรือจำนวน 2,600 คน บังเอิญเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ “มอนซานโต” บริษัทเคมีภัณฑ์ทางการเกษตรและผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์พืชยักษ์ใหญ่สหรัฐฯ ที่มีสินค้าเคมีภัณฑ์ปราบวัชพืชเด่นเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก อยู่ในระหว่างการปรับโครงสร้างองค์กร
รอยเตอร์รายงานเพิ่มเติมว่า ในแผนปรับโครงสร้างบริษัท ทางมอนซานโตคาดว่าจะมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นราว 850-900 ล้านดอลลาร์ แต่ทว่าจะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายโดยรวมไปได้ถึง 400 ล้านดอลลาร์ต่อปี และ RT รายงานต่อว่า พบว่าราคาต่อหุ้นของมอนซานโต ต่ำเป็นประวัติการณ์ในรอบงบดุลไตรมาสที่ 4 ปิดไปในวันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา หายไป 19% มากกว่าที่เคยได้คาดการณ์ไว้
ที่ผ่านมาจนถึงล่าสุดในขณะนี้ ราคาหุ้นของมอนซานโตตกไปแล้วถึง 26% และคาดว่าผลกำไรของบริษัทจะต่ำลงอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี 2015
รอยเตอร์รายงานเสริมว่า สถานการณ์ราคาหุ้นของมอนซานโต แค่ครึ่งเช้าเมื่อวานนี้ (7) ราคาหุ้นตกไปถึง 4.3% ถึงแม้จะยังคงที่ในช่วงบ่ายก็ตาม
นอกจากนี้ทางมอนซานโตยังคาดการณ์ถึงทิศทางผลกำไรต่อหุ้นของบริษัท จะอยู่ระหว่าง 5.10 ดอลลาร์ - 5.60 ดอลลาร์ ในปีงบดุลใหม่ของบริษัท ที่เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 30 กันยายนเป็นต้นมา แต่ทว่าเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ทั้งหลายได้เคยประเมินไว้ที่ 6 ดอลลาร์
รอยเตอร์ชี้ว่า รายได้จากเมล็ดพันธุ์ข้าวโพด ซึ่งเป็นสินค้าหลักของมอนซานโตตกไปถึง 5% อยู่ที่ 598 ล้านดอลลาร์ในรอบ 3 เดือน และรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์เคมีทางการเกษตร ซึ่งรวมไปถึงเคมีภัณฑ์ปราบวัชพืช “ยาฆ่าหญ้า ราวด์อัพ ไกลโฟเซต 48” ที่รู้จักไปทั่วโลก รวมไปถึงในไทย ตกไป 12% อยู่ที่ 1.1 พันล้านดอลลาร์
แต่อย่างไรก็ตาม RT ชี้ว่า จากแถลงการณ์แก้ตัวของมอนซานโต ทางบริษัทประกาศว่ายังคงสามารถดำเนินการไปตามทิศทางแผนงานเดิม ที่มีเป้าหมายในการเพิ่มผลกำไรต่อหุ้นให้เป็นสองเท่าของปี 2014 ให้ได้ภายในปี 2019
นอกจากนี้ ในแถลงการณ์เดียวกันนี้ มอนซานโตยังประกาศจะนำธุรกิจออกจากอุตสาหกรรมอ้อยน้ำตาล ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถประหยัดเงินไปได้ถึง 300 ล้านดอลลาร์ และจะทำให้ทางมอนซานโตสามารถกลับเข้าช้อนซื้อหุ้นตัวเองมูลค่า 3 พันล้านดอลลาร์ภายใน 6 เดือนข้างหน้าที่จะถึงนี้ได้ ฮิวจ์ แกรนต์ (Hugh Grant) ซีอีโอบริษัท มอนซานโตแถลง
“มีการเจรจาพูดคุยหลายประเด็นถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจของมอนซานโต เป็นต้นว่า มอนซานโตเปลี่ยนไป แต่แท้จริงแล้ว หัวใจพื้นฐานการดำเนินธุรกิจของมอนซานโตยังคงเหมือนเดิม” แกรนต์แถลงในงานแถลงข่าว
RT รายงานว่า “อินแทคตา โปร” (Intacta Pro) เมล็ดพันธุ์ถั่วเหลืองสายพันธุ์ใหม่ตัวล่าสุดของมอนซานโต ถือเป็นความหวังใหม่ให้กับทางบริษัทเคมีภัณฑ์อยู่ในขณะนี้ ซึ่งทางมอนซานโตคาดการณ์ว่า รายได้จากการขายอินแท็กตา โปร รวมไปถึงปัจจัยสภาวะแวดล้อมในการทำเกษตรที่ดีขึ้น ประกอบกับทิศทางอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศที่เอื้อ จะทำให้มอนซานโตสามารถประกันผลกำไรต่อหุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 20% ก่อนตุลาคม 2017
อย่างไรก็ตาม รายงานผลประกอบการขาดทุนกำไรของมอนซานโตจนกระทั่งนำมาสู่การปลดพนักงานออกนี้ กลับสร้างความดีใจให้แก่บรรดาผู้ต่อต้านมอนซานโต และนักวิจารณ์ที่ตำหนิการดำเนินธุรกิจของบริษัท ซึ่งในจำนวนนี้รวมไปถึง เนล ยัง (Neil Young) และกลุ่ม the Promise of the Real ของเขาที่ในขณะนี้ออกสายทัวร์รณรงค์ต่อต้านผลิตภัณฑ์ GMO ของมอนซานโตในอเมริกา โดยเริ่มต้นขึ้นในวันพฤหัสบดี (1) ที่ผ่านมาที่มิสซูลา (Missoula) รัฐมอนทานา และจะสิ้นสุดลงในวันที่ 17 ตุลาคม 2015 ที่เมืองเบิร์กเลย์ รัฐแคลิฟอร์เนีย