รอยเตอร์ - ภรรยาหม้ายของอดีตแกนนำกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) คนหนึ่งซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว ถูกศาลรัฐบาลกลางในมลรัฐเวอร์จิเนียตั้งข้อหามีส่วนพัวพันกับการเสียชีวิตของ เคย์ลา มูเอลเลอร์ อาสาสมัครบรรเทาทุกข์หญิงชาวอเมริกัน ซึ่งถูกสังหารระหว่างตกเป็นตัวประกันของไอเอสในซีเรียเมื่อปีที่แล้ว
นิสรีน อัสซาด อิบราฮีม บาฮาร์ หรือ “อุมม์ ซัยยาฟ” วัย 25 ปี ยอมรับกับเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) เมื่อปีที่แล้วว่า มูเอลเลอร์ได้ “ตกเป็นของ” ผู้นำสูงสุดไอเอส อบูบาการ์ อัล-บักดาดี ระหว่างถูกคุมขังอยู่ที่บ้านพักของเธอ และการตกเป็นของ อัล-บักดาดี นั้นมีความหมายเทียบเท่ากับการถูกบังคับให้เป็นทาสด้วย
เจ้าหน้าที่อเมริกันและโฆษกของครอบครัวมูเอลเลอร์แถลงเมื่อเดือน ส.ค. ปีที่แล้วว่า อาสาสมัครหญิงผู้นี้ถูก อัล-บักดาดี ข่มขืนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนจะเสียชีวิต
ล่าสุดเมื่อวานนี้ (8 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรอยเตอร์ยังไม่สามารถติดต่อครอบครัวของเธอเพื่อขอสัมภาษณ์เพิ่มเติมได้
จอห์น คาร์ลิน หัวหน้าฝ่ายความมั่นคงภายในของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ แถลงว่า ซัยยาฟ ซึ่งเป็นภรรยาชาวอิรักของ “อบู ซัยยาฟ” แกนนำระดับอาวุโสของไอเอสที่ถูกสังหารระหว่างปฏิบัติการจู่โจมของสหรัฐฯ เมื่อเดือน พ.ค. ปีที่แล้ว ถูกขังอยู่ที่เรือนจำอิรักด้วยข้อหาพัวพันการก่อการร้าย ซึ่งการตั้งข้อหากับเธอเมื่อวานนี้ (8) “สะท้อนให้เห็นว่ากระบวนการยุติธรรมสหรัฐฯ ยังเป็นเครื่องมืออันทรงพลังที่จะสามารถเอาผิดกับบุคคลที่ทำร้ายพลเมืองของเราในต่างประเทศ”
มาร์ก ไรมอนดี โฆษกของคาร์ลิน บอกกับรอยเตอร์ผ่านอีเมลว่า รัฐบาลสหรัฐฯ “ได้ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ในการส่งตัวซัยยาฟไปคุมขังที่เรือนจำในอิรัก และกระทรวงยุติธรรมก็ประสานกับทางการแบกแดดอยู่ตลอดเวลา เพื่อดำเนินการเอาผิดหญิงรายนี้ให้ถึงที่สุด”
แม้ทางกระทรวงฯ จะมั่นใจว่าซัยยาฟต้องได้รับโทษทัณฑ์อย่างสาสม “แต่เรายังยืนยันไม่ได้ว่าคำพิพากษาของศาลจะออกมาเป็นอย่างไร” ไรมอนดีกล่าวเสริม
มูเอลเลอร์ ซึ่งเป็นชาวเมืองเพรสคอตต์ มลรัฐแอริโซนา เดินทางไปตุรกีเมื่อเดือน ธ.ค. ปี 2012 เพื่อร่วมงานกับองค์กรบรรเทาทุกข์ที่ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ลี้ภัยซีเรียตามแนวชายแดน
เธอถูกพวกไอเอสจับตัวไปในเดือน ส.ค. ปี 2013 ขณะกำลังเดินทางออกจากโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองอะเลปโป ทางภาคเหนือของซีเรีย
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เผยกับเอบีซีนิวส์เมื่อเดือน ส.ค. ปีที่แล้วว่า อบูบาการ์ อัล-บักดาดี เป็นคนพาตัวหญิงชาวอเมริกันรายนี้ไปกักขังไว้ที่บ้านของซัยยาฟในซีเรียด้วยตนเอง
เมื่อวานนี้ (8) ซัยยาฟถูกศาลสหรัฐฯ ตั้งข้อหาให้การสนับสนุนด้านวัสดุแก่องค์กรก่อการร้ายต่างชาติ จนเป็นเหตุให้บุคคลคนหนึ่งถึงแก่ความตาย ซึ่งหากผิดจริงจะมีโทษจำคุกตลอดชีวิต