เอเอฟพี - เจ้าหน้าที่อินเดียอ้างในวันจันทร์ (8 ก.พ.) ว่าวัตถุที่ตกลงมาจากท้องฟ้า ซึ่งคร่าชีวิตคนขับรถบัสรายหนึ่งและทำให้มีคนอื่นๆ ได้รับบาดเจ็บอีก 3 รายเป็นอุกกาบาต ทั้งนี้หากว่าได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นความจริง มันจะกลายเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์โลกที่มีผู้เสียชีวิตจากการถูกอุกกาบาตตกใส่
อย่างไรก็ตาม เหล่าผู้เชี่ยวชาญบอกว่ายังมีข้อสันนิษฐานอื่นๆ ที่สามารถอธิบายความเป็นไปได้ของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันเสาร์ (6 ก.พ.) ในรัฐทมิฬนาฑู ทางภาคใต้ของประเทศ
แรงกระแทกของวัตถุลึกลับดังกล่าวก่อให้เกิดหลุมขนาดใหญ่บนพื้นดิน และกระจกบ้านหน้าต่างของอาคารหลังหนึ่งที่อยู่ใกล้เคียงแตกกระจัดกระจาย รวมถึงปลิดชีพคนขับรถบัสที่บังเอิญเดินผ่านไปตรงนั้นพอดี
สื่อมวลชนท้องถิ่นเผยแพร่ภาพหินก้อนหนึ่งมีสีค่อนข้างออกไปทางสีน้ำเงิน ซึ่งนางจายาลาลิธา จายาราม มุขมนตรีแห่งรัฐทมิฬนาฑู ระบุว่าเป็น “อุกกาบาต” แม้เหล่านักวิทยาศาสตร์โต้แย้งว่ามันยังไม่ได้รับการพิสูจน์ “อุกกาบาตตกใส่วิทยาลัยวิศวกรรมเอกชนแห่งหนึ่ง และคร่าชีวิตคนขับรถบัสของวิทยาลัย” เธอกล่าวในถ้อยแถลงเมื่อช่วงค่ำวันอาทิตย์ (7 ก.พ.) พร้อมระบุว่ารู้สึกช็อกกับข่าวนี้
เอส.พี.ราจากูรู รองศาสตราจารย์ ณ สถาบันดาราศาสตร์อินเดียในบังกาลอร์ บอกว่าหินดังกล่าวอาจเป็นอุกกาบาต แต่จำเป็นต้องมีการตรวจสอบเพิ่มเติม และหากว่าพิสูจน์แล้วเป็นเรื่องจริง ก็เท่ากับว่าจะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่มีมนุษย์เสียชีวิตจากการถูกอุกกาบาตตกใส่
“อุกกาบาตเกือบทั้งหมดไม่เคยดิ่งลงมาถึงพื้นผิวโลก เนื่องจากพวกมันถูกเผาไหม้ในชั้นบรรยากาศ” เขาบอกกับเอเอฟพี “การตกสู่พื้นผิวโลกหาได้ยากมาก และในประวัติศาสตร์ที่บันทึกมาไม่เคยมีใครเสียชีวิต”
อย่างไรก็ตาม ทางราจากูรูตั้งข้อสังเกตว่าบางทีหินก้อนนี้อาจเป็นซากของจรวดหรือกระสวยอวกาศ