รอยเตอร์ - พบเชื้อซิกาในน้ำลายและปัสสาวะของ 2 คนไข้ผู้ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ จากการเปิดเผยของสถาบันสาธารณสุขชั้นนำของบราซิลในวันศุกร์(5ก.พ.) ก่อความกังวลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโรคติดต่อนี้ อย่างไรก็ตามยังจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อสรุปว่าสารคัดหลั่งของร่างกายดังกล่าวเป็นอีกหนึ่งช่องทางการส่งผ่านเชื้อได้หรือไม่
เหล่านักวิทยาศาสตร์จากมูลนิธิออสวัลโด ครูซ สถาบันสาธารณสุขของรัฐบาล เผยว่าพวกเขาใช้วิธีการทดสอบยีนเพื่อพิสูจน์ไวรัสในตัวอย่างที่เก็บมาจากคนไข้ 2 รายระหว่างที่พวกเขาแสดงอาการป่วยและทราบว่ามีเชื้อซิกา โรคติดต่อที่มียุงเป็นพาหะที่กระพือความกังวลด้านสาธารณสุขไปทั่วโลก
ทั้งนี้คณะนักวิทยาศาสตร์แถลงในรีโอเดจาเนโร ว่านับเป็นครั้งแรกที่ไวรัสชนิดนี้ถูกตรวจพบในน้ำลายและปัสสาวะ ด้วยไวรัสยังมีชีวิตอยู่ซึ่งนั่นหมายความว่ามันมีโอกาสที่จะก่อการติดเชื้อ อย่างไรก็ตามพวกเขาย้ำว่ายังเร็วเกินไปที่จะชี้ชัดว่าซิกาสามารถส่งผ่านเชื้อจากสารคัดหลั่งทั้งสอง
"ข้อเท็จจริงที่ว่าไวรัสถูกพบพร้อมกับความสามารถในการก่อการติดเชื้อ ไม่ได้เป็นข้อพิสูจน์ว่ามันนำเชื้อไปติดบุคคลอื่นๆผ่านสารคัดหลั่งเหล่านี้" มีร์นา โบนัลโด หนึ่งในคณะวิทยาศาสตร์ที่ค้นพบระบุ
เปาโล กาเดลา ประธานออสวัลโด ครูซ เผยว่ามูลนิธิแห่งนี้ตรวจพบความเป็นไปได้ดังกล่าว หลังจากวิเคราะห์ตัวอย่างจากคนไข้ 2 รายและดำเนินการหาลำดับคู่เบสในสาย DNA (genome sequencing) ของไวรัส
การค้นพบดังกล่าวก่อความกังวลเพิ่มเติมว่าไวรัสซิกา ที่เดิมทีมียุงเป็นพาหะ อาจติดต่อในรูปแบบอื่นๆมากขึ้น โดยเฉพาะการมีเพศสัมพันธ์ หลังจากเหล่านักวิทยาศาสตร์รายงานเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ว่า พบชาวอเมริกาส่งผ่านไวรัสแก่คู่นอนในดัลลัสเคาน์ตี มลรัฐเทกซัส
ขณะเดียวกันทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขบราซิลเมื่อวันพฤหัสบดี(4ก.พ.) ยืนยันพบกรณีส่งผ่านเชื้อผ่านการให้เลือด 2 ราย
เชื้อไวรัสซิกาที่กำลังแพร่ระบาดในอยู่ตอนนี้ ถูกเชื่อมโยงกับกรณีต้องสงสัยเด็กทารกมากกว่า 4,000 คนในบราซิล มีภาวะพิการตั้งแต่แรกคลอด ขณะที่มันเริ่มต้นทางตะวันออกเฉียงเหนือของบราซิล จากนั้นก็แผ่ลามไปยังประเทศต่างๆอีกมากกว่า 30 ชาติ
แม้มันไม่เป็นอันตรายต่อคนทั่วไป แต่พบหลักฐานหนักแน่นมากขึ้นว่ามันมีความเกี่ยวข้องกับภาวะทารกมีศีรษะเล็กผิดปกติและมีพัฒนาการทางสมองไม่เหมาะสมตั้งแต่กำเนิด ซึ่งจะนำไปสู่การพิการอย่างถาวรหรือถึงขั้นเสียชีวิต
