xs
xsm
sm
md
lg

In Pics :ชัยชนะของอเมริกันโปรเกรสซีฟ!! “เบอร์นี แซนเดอร์ส” กร้าวกลางเวที “ผลคะแนนตีเสมอฮิลลารี คลินตัน” เป็นสึนามิส่งถึง “การเมืองเอสแทบลิชเมนต์-วอลสตรีท-สื่อสหรัฐฯ”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เอเจนซีส์/ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ส.ว. สายอิสระ รัฐเวอร์มอนต์ “เบอร์นี แซนเดอร์ส” ก้าวขึ้นเวทีเปิดใจเป็นครั้งแรก ประกาศจุดเริ่มต้นในการปฏิวัติอำนาจการเมืองอเมริกา หลังจากที่ทุกสายตาทั่วโลกจับจ้องไปที่ผลคะแนนการเลือกตั้งรอบคอคัสในรัฐไอโอวาในฝั่งพรรคเดโมแครต ที่ไม่น่าเชื่อว่า กระแสโซเชียลเดโมแครตจะทำให้คะแนนของแซนเดอร์ส เสมอกับ ฮิลลารี คลินตัน อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ที่เป็นที่รู้จัก และตัวเต็งในกระแสหลัก

เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษ รวมไปถึง NBC NEWS สื่อสหรัฐฯ รวมไปถึงสื่อทั่วโลกรายงานผลการเลือกตั้งรอบคอคัสในรัฐไอโอวา ล่าสุด ว่า หลังจากที่ผลการลงคะแนนรอบคอคัสรัฐไอโอวาในฝั่งพรรคเดโมแครต ออกมาพบว่า คะแนนของ ฮิลลารี คลินตัน และ เบอร์นี แซนเดอร์ส เสมอกันอยู่ที่ 50% หลังจากนับไปแล้ว 97% โดยที่คลินตันได้ 681 คะแนน ในขณะที่เบอร์นีได้ไป 677 คะแนน ทำให้การปรากฏตัวของ ส.ว. รัฐเวอร์มอนต์ คนนอกพรรคเดโมแครตในค่ำคืนวันจันทร์ (1) นี้ ไม่ธรรมดาอีกต่อไป และทำให้ผู้จัดรายการเมือง คริสต์ แมทธิว ทางสถานีโทรทัศน์ MSNBC ระบุว่า เป็นสิ่งที่น่าตกใจที่พบว่า ชาวสหรัฐฯถึง 50% ต้องการ “ปฏิวัติอำนาจการเมืองครั้งใหญ่” เหมือนเช่นที่แซนเดอร์สประกาศผ่านเวทีเมื่อคืนนี้ และดูเหมือนผู้จัดจากสื่อปีกการเมืองฝั่งเดโมแครตจะค่อนข้างตกใจ เพราะเป็นที่รู้กันดีว่า MSNBC เน็ตเวิร์กนั้น ยืนเคียงข้างกลุ่มขั้วอำนาจเดโมแครต เอสแทบลิชเมนต์ โดยเฉพาะประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา

เบอร์นี แซนเดอร์ส ที่ไม่เคยทำตามรูปแบบการเมืองสหรัฐฯ ไม่ฉวยโอกาสโจมตีจุดอ่อนคู่แข่งคนสำคัญ เช่น ฮิลลารี คลินตัน ทั้งในเรื่องอีเมลเซิร์ฟเวอร์ฉาว รวมไปถึงเรื่องการได้รับค่าตอบแทนของสามี บิล คลินตัน ในการตอบรับเชิญขึ้นพูดตามที่ต่าง ๆ ในขณะที่เธอยังดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ

และรวมไปถึงในคืนที่ผ่านมา แซนเดอร์ส ไม่ยอมฉวยโอกาสขึ้นเวทีประกาศความสำเร็จ เพื่อส่งสัญญาณไปยังผู้สนับสนุนก่อน แต่กลับปล่อยให้คลินตันฉกฉวยโอกาสนั้นไปแสดงความขอบคุณกับผู้สนับสนุน สร้างความงุนงง และหงุดหงิดให้กับหลายคน เช่น ชัค ท็อดด์ นักจัดรายการเมืองทางสถานีโทรทัศน์ MSNBC ถึงกับออกปากว่า ไม่เข้าใจว่าทำไม เบอร์นี แซนเดอร์ส จึงเปิดโอกาสให้คู่แข่งขึ้นเวทีก่อนได้

แต่อย่างไรก็ตาม การปรากฏตัวของ แซนเดอร์ส พร้อมกับแถลงการณ์ถึง “ปฏิวัติการเมืองสหรัฐฯ” สร้างเสียงปรบมือ และเสียงตอบรับดังลั่น โดย ส.ว. รัฐเวอร์มอนต์ ได้กล่าวว่า คะแนนของเขาที่เสมอกับฮิลลารี คลินตัน ในคืนนี้ ถือเป็นสัญญาณส่งตรงไปยังกลุ่มกุมอำนาจการเมืองสหรัฐฯที่แซนเดอร์ส เรียกว่า กลุ่มการเมืองเอสแทบลิชเมนต์ รวมไปถึงพวกวอลล์สตรีท และรวมไปถึงสื่อมวลชนสหรัฐฯ ว่า ชาวอเมริกันต้องการความเปลี่ยนแปลง

“ผมถูกตำหนิทุกวันจากนโยบายหาเสียงที่ผมได้นำเสนอต่อประชาชน” แซนเดอร์ส กล่าว และเสริมต่อว่า “แต่นั่นไม่เป็นไรหรอก แต่ขอให้ผมกล่าวย้ำอีกครั้งในสิ่งที่ผมเชื่อ เพราะผมเชื่อว่าในทุกประเทศเสรีนิยมในโลกนี้ล้วนต่างกำหนดให้การเข้าถึงการให้บริการด้านสุขภาพเป็น “สิทธิ” ไม่ใช่ “อภิสิทธิ์” และสิ่งนี้ผมต้องการให้เกิดขึ้นในอเมริกา ประเทศของเรา” เดอะการเดียน สื่ออังกฤษ รายงาน

นอกจากนี้ แซนเดอร์ส ยังกล่าวต่อว่า “ขอให้ผมได้บอกกับทุกคนในที่นี้ว่า… ไม่มีผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯคนใดจะนำการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่พวกเราต้องการให้ได้ เพราะมีอำนาจมหาศาลเกินกว่าที่ประธานาธิบดีเพียงคนเดียวจะทำให้สำเร็จ” ส.ว. สายโปรเกรสซีฟ ชี้

และเขายังกล่าวต่ออีกว่า “ดังนั้น สิ่งที่เริ่มต้นขึ้นที่รัฐไอโอวาในคืนนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิวัติอำนาจที่แท้จริง เพื่อปฏิวัติระบบการเมืองสหรัฐฯ”

นอกจากนี้ ในการขึ้นกล่าวของ เบอร์นี แซนเดอร์ส ยังโยงไปถึงวอลล์สตรีทที่เป็นเป้าหมายหลักด้านนโยบาย “อเมริกาเพื่อความเท่าเทียม” โดยแซนเดอร์สประกาศว่า “เราไม่ได้เป็นตัวแทนผลประโยชน์ของกลุ่มทุนเศรษฐีพันล้าน กลุ่มตลาดหุ้นวอลล์สตรีท หรือบริษัทข้ามชาติ เราไม่ต้องการเงินจากคนเหล่านี้ และผมขอบอกด้วยความภาคภูมิใจว่า เราเป็นผู้สมัครในฝั่งเดโมแครตเพียงคนเดียวที่ยืนอยู่ได้ด้วยตัวของเราเองโดยไม่ต้องพึ่งทุนจากกลุ่มซูเปอร์แพค”

โดย แซนเดอร์ ชี้ว่า นโยบายปฏิรูปของเขาจะสร้างระบบเศรษฐกิจที่ช่วยครอบครัวของชาวอเมริกันที่ต้องทำงานอย่างหนัก แต่นโยบายนี้จะไม่เอื้อต่อกลุ่มเศรษฐีพันล้านเหล่านั้น และยังกล่าวยืนยันว่า พอกันที อเมริกาจะไม่อดทนอีกต่อไปแล้ว

และในการขึ้นพูดครั้งแรกเมื่อคืนนี้ของ เบอร์นี แซนเดอร์ส เขายังได้กล่าวขอบคุณไปยังคู่แข่งทั้งสองคน ฮิลลารี คลินตัน และ มาร์ติน โอ มาลลี (Martin O'Malley) อดีตผู้ว่าการรัฐแมรีแลนด์ และรวมไปถึงทีมงานของคนทั้งคู่ในการแข่งขันที่ดุเดือดและสูสีครั้งนี้ สื่ออังกฤษรายงาน

ทั้งนี้ NBC NEWS รายงานล่าสุด ว่า คะแนนยังคงนับต่อไป โดยเสร็จสิ้นไป 99% โดยฮิลลารี คลินตัน ได้ 693 คะแนน หรือ 50% ในขณะที่ เบอร์นี แซนเดอร์ส ได้ 691 คะแนน หรือ 50%

สื่อสหรัฐฯชี้ว่า เหตุที่คะแนนของคลินตัน และแซนเดอร์ส สูสีกันมาก เป็นเพราะอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯหญิง สามารถชนะใจชาวเดโมแครต 88% ที่ได้ชื่อว่าให้ความสำคัญกับประสบการณ์ทำงานอย่างยาวนานของผู้เสนอตัว ซึ่งคลินตันมีในจุดนี้ และยังรวมไปถึงอีก 68% ของชาวเดโมแครตที่ต้องการให้ผู้รับไม้คนต่อไปสานต่อนโยบายสำคัญในสมัยชุดรัฐบาลประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา

และนอกจากนี้ NBC NEWS ยังรายงานต่อว่า อีก 59% เป็นสัดส่วนของกลุ่มชาวเดโมแครตที่ต้องการเห็นนโยบายโอบาแคร์ยังคงอยู่ต่อไป ซึ่งเป็นกลุ่มที่สนับสนุนคลินตัน และรวมไปถึงกลุ่มคนอายุ 65 ปีขึ้นไป

สื่อสหรัฐฯรายงานสรุปว่า กลุ่มผู้หญิงชาวอเมริกันที่สมรสแล้ว และกลุ่มสายกลางของเดโมแครตเป็นฐานเสียงหลักของฮิลลารี คลินตัน

ด้าน เบอร์นี แซนเดอร์ส ที่สร้างกระแสโปรเกสซีฟในอเมริกา และถูกเปรียบเทียบกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา ในปี 2008 MSNBC ชี้ว่า คนรุ่นใหม่ของพรรคเดโมแครตในรัฐไอโอวา ต่างเดินหน้าเข้าคูหาไปออกเสียงให้กับแซนเดอร์สอย่างล้นหลาม

นอกจากนี้ ยังพบว่า แซนเดอร์ส เป็นผู้สมัครที่กลุ่มผู้มีสิทธิ์ออกเสียงถึง 83% ที่ให้ความสำคัญกับ “ความซื่อสัตย์ และจริงใจมุ่งมั่น” ซึ่งเป็นคุณสมบัติเด่นของ เบอร์นี แซนเดอร์ส แต่เป็นข้อติดลบอย่างร้ายกาจของคลินตัน ซึ่งผู้คนต่างกล่าวว่า ไม่มีใครเชื่อว่า เธอจริงใจในการแก้ปัญหาให้ชาวอเมริกัน โดยโยงไปถึงความลับลมคมในที่ออกมาจากรัฐบาล บิล คลินตัน สามีของเธอ ที่มีข่าวออกมาว่า มักจะมีสิ่งปิดลับเสมอ

และนอกจากนี้ แซนเดอร์ส ยังเป็นขวัญใจของชาวเดโมแครต อีก 61% ที่ต้องการเห็นความเท่าเทียมในสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเท่าเทียมด้านเศรษฐกิจ หรือทางเพศ ที่พบว่าหญิงชาวอเมริกันได้เงินเดือนต่ำกว่าชายชาวอเมริกันในตำแหน่งการงานและหน้าที่ความรับผิดชอบเดียวกัน

ซึ่งแซนเดอร์สโด่งดังในหมู่กลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อเท่าเทียมทางสีผิว BLACK LIVES MATTER

และนอกจากนี้ ยังพบว่า แซนเดอร์สสามารถเรียกเสียงคะแนนจากชาวเดโมแครตที่ประกาศตนเองเป็นพวก “เสรีนิยม” ถึง 58% โดยพบว่ากลุ่มคนที่มีสิทธิออกไปลงคะแนนเลือกตั้งรอบคอคัสครั้งแรกต่างออกปากว่า อยากจะเห็นประธานาธิบดีสหรัฐฯคนต่อไปมีนโยบายก้าวหน้า และเสรีนิยมมากกว่าในสมัยรัฐบาลโอบามา






มาร์ติน โอ มาลลี(Martin OMalley)อดีตผู้ว่าการรัฐแมรีแลนด์ประกาศถอนตัวจากการลงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ

กำลังโหลดความคิดเห็น