เอเอฟพี - มีตำรวจเสียชีวิตอย่างน้อย 20 รายในวันจันทร์ (1 ก.พ.) หลังมือระเบิดฆ่าตัวตายตอลิบานโจมตีฐานตำรวจแห่งหนึ่งในกรุงคาบูล เมืองหลวงของอัฟกานิสถาน ไม่กี่วันก่อนหน้าการประชุมนานาชาติรอบใหม่ที่มีเป้าหมายรื้อฟื้นการเจรจาสันติภาพกับพวกอิสลามิสต์
นอกจากจำนวนเหยื่อข้างต้นแล้ว ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกหลายสิบคนในเหตุมือระเบิดฆ่าตัวตายจุดชนวนระเบิดกลางแถวของตำรวจที่กำลังรอเข้าไปยังฐาน ส่งผลให้ศพหลายศพ และเศษซากดำเป็นตอตะโกกระจัดกระจายไปทั่วพื้นที่
เหตุนองเลือดคราวนี้ถือเป็นหนึ่งในปฏิบัติการโจมตีกองกำลังอัฟกานิสถานครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา แม้มีความพยายามรอบใหม่ของนานาชาติที่กำลังผลักดันให้เริ่มเจรจาสันติภาพอย่างเป็นทางการอีกครั้ง หลังหยุดชะงักไปเมื่อปีที่แล้ว
“ผลจากการโจมตีก่อการร้ายใกล้ศูนย์บัญชาการกองกำลังตำรวจอัฟกานิสถาน คือมีผู้เสียชีวิต 20 ราย และบาดเจ็บอีก 29 คน” กระทรวงมหาดไทยระบุในถ้อยแถลง
ส่วนแหล่งข่าวระดับสูงของกระทรวงเผยกับเอเอฟพีว่าผู้เสียชีวิตทั้งหมดเป็นตำรวจ และผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 3 คนมีอาการสาหัส อาการเป็นตายเท่ากันอยู่ในโรงพยาบาล
พวกตอลิบานออกมาอ้างความรับผิดชอบเหตุโจมตีคราวนี้ โดยนายซาไบฮุลเลาะห์ มูจาฮิด โฆษกของกลุ่มอ้างบนทวิตเตอร์ว่ามีตำรวจเสียชีวิตและบาดเจ็บมากกว่า 40 ราย อย่างไรก็ตาม พวกนักรบมักอ้างตัวเลขเหยื่อในเหตุโจมตีต่างๆ เกินจริงเสมอ
การฆ่าอย่างโหดร้ายคราวนี้เกิดขึ้นก่อนหน้าการหารือโรดแมป 4 ชาติ รอบที่ 4 เพื่อวางกรอบการทำงานเดียวกับการเจรจาโดยตรงระหว่างคาบูลกับกลุ่มอิสลามิสต์ ขณะที่ผู้แทนจากอัฟกานิสถาน ปากีสถาน จีน และสหรัฐฯ มีกำหนดนัดพูดคุยกันในอิสลามาบัดในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ในความพยายามหาทางเจรจายุติความไม่สงบจากฝีมือของพวกตอลิบาน ที่เวลานี้เข้าสู่ปีที่ 15 แล้ว
ตอลิบานยกระดับการโจมตีเป้าหมายรัฐบาลและชาวต่างชาติในช่วงฤดูหนาวนี้ ย้ำให้เห็นถึงสถานการณ์ความมั่นคงเลวร้ายลงเรื่อยๆ ขณะที่ไม่กี่เดือนที่ผ่านมาตอลิบานสามารถควบคุมเมืองคุนดุซ ทางเหนือของประเทศได้ช่วงสั้นๆ และยึดเมืองเฮลมันด์
เหล่านักสังเกตการณ์บอกว่าเหตุความไม่สงบที่หนักหน่วงขึ้น ชี้ให้เห็นว่าพวกนักรบพยายามเดินหน้ายึดดินแดนเพิ่มเติมในความพยายามโต้แย้งให้อีกฝ่ายยอมรอมชอมมากกว่าเดิมระหว่างการเจรจา
ปากีสถานเป็นเจ้าภาพจัดการเจรจาโดยตรงกับตอลิบานครั้งประวัติศาสตร์รอบแรกเมื่อเดือนกรกฎาคมปีก่อน แต่การเจรจาหยุดชะงักลงหลังพวกนักรบยืนยันว่าข่าวการเสียชีวิตของนายมุลเลาะห์ โอมาร์ ซึ่งจุดชนวนการสู้รบแย่งชิงอำนาจกันภายใน