เอเอฟพี - เบอร์ลิน และมอสโกสาดโคลนกันไปมาในคดีที่คลุมเครือคดีหนึ่ง ที่มีการอ้างว่าเด็กหญิงเชื้อสายเยอรมัน-รัสเซีย ถูกพวกลี้ภัยข่มขืนในเบอร์ลิน ด้วยเครมลินกล่าวหาเบอร์ลินพยายามปกปิดเรื่องราวที่เกิดขึ้น ด้วยหวั่นจุดชนวนลุกลามท่ามกลางวิกฤตผู้อพยพ ขณะที่เยอรมนี ชี้แจงว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นความยินยอมของผู้เสียหายเอง
นายแฟรงก์-วอลเตอร์ สไตน์ไมเออร์ รัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนี กล่าวหารัสเซีย พยายามหยิบยกคำกล่าวอ้างของเด็กสาวลูกครึ่งเยอรมัน-รัสเซีย วัย 13 ปี สุมไฟเรื่องผู้อพยพที่เป็นประเด็นถกเถียงอย่างร้อนแรงอยู่ก่อนแล้วในเยอรมนี
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วตำรวจเยอรมนีปฏิเสธคำกล่าวอ้างของเด็กหญิงที่บอกว่าเธอถูกพวกผู้ลี้ภัยประทุษร้ายทางเพศในเบอร์ลิน แต่ในวันอังคาร (26 ม.ค.) นายเซอร์โก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศของรัสเซีย แสดงจุดยืนเชื่อในคำกล่าวอ้างของเด็กสาว และกล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่เยอรมนีปกปิดเรื่องราวการหายตัวไปของเธอระหว่างเกิดเหตุ
เด็กสาววัยรุ่นที่สื่อมวลชนรัสเซียระบุว่าชื่อ “ลิซา” หายตัวไปขณะกำลังเดินทางไปโรงเรียนเมื่อวันที่ 11 มกราคม จากนั้นเธอกลับมาและไปแจ้งความกับตำรวจพร้อมกับครอบครัว โดยบอกกับเจ้าหน้าที่สืบสวนว่าเธอถูกชาวต่างชาติ 3 คนลักพาตัวที่สถานีรถไฟทางตะวันออกของกรุงเบอร์ลิน และพาไปยังแฟลตแห่งหนึ่งเพื่อลงมือข่มขืนและทุบตีทำร้าย
คดีนี้กระพือความโกรธเกรี้ยวจากบรรดาเว็บไซต์ขวาจัดและสื่อมวลชนกระแสหลักของรัสเซีย ที่กล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่พยายามปกปิดเรื่องดังกล่าว อย่างไรก็ตาม อัยการเบอร์ลินระบุไม่พบหลักฐานว่าเด็กสาวรายนี้ถูกบังคับให้มีสัมพันธ์ทางเพศระหว่างช่วงเวลาดังกล่าว แต่เปิดการสืบสวนชายอย่างน้อย 1 คน ฐานเป็นไปได้ที่อาจกระทำชำเราเด็กหญิง
การมีเพศสัมพันธ์กับบุคคลอายุต่ำกว่า 14 ปี ถือว่าเป็นอาชญากรรมในเยอรมนี แม้จะเกิดจากความยินยอมพร้อมใจก็ตาม และมีโทษคือการจำคุก
ท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับตะวันตกในประเด็นต่างๆ นานา นายลาฟรอฟใช้โอกาสในการแถลงข่าวประจำสัปดาห์ของเขาดึงดูดความสนใจในคดีนี้ “เรากำลังทำงานร่วมกับทนายความของเธอ เรากำลังประสานงานกับครอบครัวของเธอและสถานทูตของเรา” ลาฟรอฟกล่าว “มันชัดเจนว่าเด็กหญิงไม่ได้สมัครใจหายตัวไปนานกว่า 30 ชั่วโมง”
ลาฟรอฟบอกว่า เขารู้สึกเศร้าใจที่ข่าวการหายตัวไปของลิซาถูกปิดบังเป็นเวลานานด้วยเหตุผลบางประการ พร้อมชี้ว่าวิกฤตผู้อพยพกระตุ้นให้พวกเจ้าหน้าที่เก็บกวาดประเด็นรีบด่วนต่างๆ ซุกไว้ใต้พรหม “ผมหวังว่าปัญหาผู้ลี้ภัยนี้จะไม่นำไปสู่ความพยายามบิดเบือนความจริงว่ามันมีแรงจูงใจทางการเมือง ซึ่งนั่นจะเป็นสิ่งที่ผิดพลาด”
นายสไตน์ไมเออร์ให้สัญญาว่าจะดำเนินการสืบสวนอย่างละเอียด และบอกว่าจะดีกว่านี้หากเจ้าหน้าที่รัสเซียจะสรุปตามข้อพิสูจน์ของเยอรมนี ไม่ใช่เออออตามรายงานข่าวของสื่อมวลชน ส่วนโฆษกกระทรวงการต่างประเทศแสดงความรู้สึกแปลกใจที่มีการแทรกแซงระดับสูงมาจากมอสโกอย่างทันทีทันใด
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นท่ามกลางกระแสเอะอะโวยวายในเยอรมนี ต่อเหตุประทุษร้ายพวกผู้หญิงในคืนวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ในเมืองโคโลญ ซึ่งกล่าวหาว่าเป็นฝีมือของกลุ่มชายอาหรับและแอฟริกาเหนือ ที่เบื้องต้นตำรวจเอาแต่นิ่งเฉย
เมื่อปีที่แล้วเยอรมนีอ้าแขนรับผู้ขอลี้ภัยเกือบ 1.1 ล้านคน ส่วนใหญ่มาจากซีเรีย อัฟกานิสถาน และอิรัก ขณะที่นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรี ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันมากขึ้นเรื่อยๆ ต่อจุดยืนต้อนรับผู้หลบหนีภัยสงครามของเธอ
ข้อพิพาทล่าสุดนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับตะวันตก ในนั้นรวมถึงเยอรมนี โดยความสัมพันธ์ระหว่างสองฝ่ายดำดิ่งสู่จุดต่ำสุดจากวิกฤตยูเครนและสงครามกลางเมืองซีเรีย