เอพี/เอเจนซีส์/ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ในคืนวันจันทร์ (25 ม.ค.)ประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษถึง 2 ตัวเต็งผู้สมัครฝั่งเดโมแครตล่วงหน้าก่อนวันลงคะแนนเลือกตั้งตัวแทนพรรคที่จะเริ่มขึ้นในสัปดาห์หน้าที่รัฐไอโอวา โดยกล่าวปกป้อง ฮิลลารี คลินตัน ว่าเป็นผู้หญิงที่ฉลาดเป็นกรด แข็งแกร่ง และเป็นเพราะเป็นที่รู้จักมายาวนานทำให้เสียเปรียบต่อคนหน้าใหม่เช่น ส.ว.รัฐเวอร์มอนต์ ม้านอกสายตา เช่น เบอร์นี แซนเดอร์ส พร้อมกับปฏิเสธความเหมือนกระแสฮอต “ฟีล เดอะ เบิร์น” ในหมู่คนรุ่นใหม่ในตัวเต็งอันดับ 2 โดยชี้ว่า ไม่เหมือนกระแส CHANGE เปลี่ยนทั้งโลกปี 2008 ของผู้นำสหรัฐฯ ในขณะที่ฝั่งพรรครีพับลิกัน โดนัลด์ ทรัมป์ ยังเป็นตัวแทนนำอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้จะมีกระแส Republican Establishment จะออกมายี้อย่างต่อเนื่องก็ตาม
เอพีรายงานเมื่อวานนี้ (25 ม.ค.) ว่า ในคืนวันจันทร์ (25) ที่ผ่านมาประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา ให้สัมภาษณ์พิเศษถึงศึกเลือกตั้งรอบไพรมารีที่จะเริ่มต้นขึ้นในสัปดาห์หน้าที่จะถึงในรัฐไอโอวา ในการเปรียบตัวเก็ง 2 คนในพรรคเดโมแครตระหว่างเบอร์ 1 เช่น ฮิลลารี คลินตัน อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ และเบอร์ 2 ส.ว.สายอิสระ คนนอกพรรคเดโมแครต เบอร์นี แซนเดอร์ส
โดยในการให้สัมภาษณ์โอบามายังยืนยันว่าเขายังคงเป็นกลาง และไม่สนับสนุนผู้สมัครคนใดเป็นพิเศษ แต่อย่างไรก็ตามในการให้สัมภาษณ์เมื่อคืนนี้ ผู้นำสหรัฐฯ ได้กล่าวชื่นชม และสนับสนุนคลินตันเป็นพิเศษว่า ดูเหมือนคลินตันอาจจะต้องรู้สึกกดดันในฐานะเป็นผู้ที่ได้รับการจับตาเป็นบุคคลพิเศษและอาจได้รับความกดดันสูงมากกว่าใครในฐานะที่เป็นตัวเต็งแถวหน้าในศึกการเลือกตั้งครั้งนี้
แต่ในตรงกันข้ามกับ ส.ว.แซนเดอร์ส ที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ออกตัวกับนักข่าวโพลิติโคในการให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ว่า ไม่รู้จักแซนเดอร์สดีมากนัก โดยโอบามาได้กล่าวให้ความเห็นถึง ส.ว.สายอิสระจากรัฐเวอร์มอนต์ผู้นี้ว่า แซนเดอร์สได้สร้างปรากฎการณ์การแข่งขันขึ้นภายในเวทีของพรรคเดโมแครต ที่แต่เดิมคาดกันว่าเวทีนี้จะเป็นของคลินตันแต่ผู้เดียวที่จะนำไปสู่ทำเนียบขาว โดยแซนเดอร์ที่เพิ่งเป็นที่ถูกจับตาในแวดวงการเมืองระดับชาติสหรัฐฯ แต่กลับสามารถเอาชนะใจประชาชนชาวอเมริกันที่มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งได้
ในการให้สัมภาษณ์พิเศษ โอบามายังได้กล่าวชื่นชมถึงอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ในรัฐบาลสมัยแรกของเขาต่อว่า “คลินตันเป็นคนที่ดี แข็งแกร่ง และฉลาดมาก และยังเป็นคนที่ห่วงใยต่อสหรัฐฯ อย่างแท้จริง” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ชี้ และยังออกมากล่าวปกป้องถึงผลโพลที่ออกมาว่า คลินตันนั้นมีคะแนนนำตัวเต็งอันดับ 2 อยู่ไม่ห่าง และบางครั้งแซนเดอร์สยังนำคลินตันอีกด้วย
ประธานาธิบดีบารัค โอบามาได้กล่าวว่า “คงเป็นเพราะ ฮิลลารี คลินตัน เป็นที่รู้จักต่อคนทั่วไปมาอย่างยาวนาน ดังนั้นจึงเป็นข้อเสียเปรียบของเธอที่คนส่วนใหญ่มักจะสนใจต่อสิ่งใหม่ หรือคนหน้าใหม่มากกว่า เพราะเชื่อว่าสิ่งใหม่มักจะดีกว่าเสมอ”
และผู้นำสหรัฐฯ ยังกล่าวถึง เบอร์นี แซนเดอร์ส ว่า เป็นคนที่กล่าวในสิ่งที่คิดออกมาเสมอ เป็นคนที่ไม่กลัวใคร มีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้า และโอบามาคิดว่า เมื่อพิจารณาจากมุมมองของเขาแล้ว เบอร์นี แซนเดอร์ส ดำเนินนโยบายหาเสียงแบบ “ไม่มีอะไรจะต้องเสีย”
ดังนั้นจึงทำให้นักข่าวโพลิติโคถามถึงแคมเปญหาเสียงของเบอร์นี แซนเดอร์สที่ตั้งเป้าหมายอยู่ที่ “เพื่อความเท่าเทียมของคนอเมริกันในชาติเท่านั้น” ซึ่งต่างจากผู้สมัครคนอื่นๆ รวมไปถึงคลินตันที่มีนโยบายออกมาหลายด้าน ทำให้โอบามาต้องกล่าวออกปากว่า “ช่างน่าเสียดายที่ในโลกการบริหารประเทศในความเป็นจริงคงจะไม่สวยงามพอที่จะให้ผู้บริหารประเทศมุ่งทำนโยบายประการเดียวได้เท่านั้น”
นอกจากนี้ ผู้นำสหรัฐฯ ยังกล่าวปฏิเสธต่อนักข่าวโพลิติโคต่อคำถามว่า คิดหรือไม่ว่ามีความเหมือนกันของกระแส CHANGE เปลี่ยนทั้งโลกในปี 2008 แคมเปญหาเสียงสมัยแรกของโอบามา และกระแสฟีล เดอะ เบิร์น ที่เบอร์นี แซนเดอร์ส พยายามสร้างในหมู่คนลงคะแนนรุ่นใหม่ในขณะนี้ โดยโอบามากล่าวว่า “ผมไม่คิดว่านั่นเป็นความจริง”
ทั้งนี้ เจฟ เวฟเวอร์ (Jeff Weaver) ผู้จัดการแคมเปญหาเสียงของเบอร์นี แซนเดอร์สได้ให้สัมภาษณ์กับ CNN สื่อสหรัฐฯ ยืนยันว่า ความสัมพันธ์ระหว่างผู้นำสหรัฐฯและสมาชิกรัฐสภาจากรัฐเวอร์มอนต์เป็นความสัมพันธ์ที่อยู่ในระดับดีมาก
โดยเวฟเวอร์ให้ความเห็นว่า “ถึงแม้ว่าพวกเขาไม่ใช่คนเดียวกัน แต่เมื่อพูดถึงรัฐไอโอวาแล้ว ผมคิดว่ามีความคล้ายกันมาก จากการที่คนรุ่นใหม่ที่มีสิทธิลงคะแนนจำนวนมากได้รับแรงบันดาลใจจากแคมเปญหาเสียงเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงที่จุดคูหาเลือกตั้ง” และเวฟเวอ์ยังกล่าวต่อว่า “นอกจากนี้คำกล่าวหาทั้งในเรื่องมาผิดเวที ไม่มีประสบการณ์ ทำนโยบายต่างประเทศไม่ได้ ทุกสิ่งได้เคยเกิดขึ้นกับโอบามาในปี 2008 ทั้งสิ้น”
และ NBC NEWS ยังรายงานเพิ่มเติมในเรื่องนี้ว่า ดูเหมือนโอบามาจะทุ่มความสนใจไปที่คลินตันมากกว่า ถึงแม้การประกาศอย่างเป็นทางการ โอบามาจะวางตัวเป็นกลาง ซึ่งสื่อสหรัฐฯ ได้ยกถึงการให้สัมภาษณ์ของผู้นำสหรัฐฯที่ยกตัวอย่างในกรณีหากเบอร์นี แซนเดอร์สเป็นฝ่ายชนะใน 2 รัฐรอบไพรมารีว่า สื่อจะต้องทำงานอย่างหนักเพื่อจะขุดคุ้ยว่า นโยบายที่แซนเดอร์สนำเสนอนั้นมีความเป็นไปได้มากเพียงใด
“หากเบอร์นีชนะในรัฐไอโอวา หรือรัฐนิวแฮมเชียร์ พวกคุณรู้ดีว่า จะต้องทำงานหนักแน่” โอบามาชี้ และกล่าวต่อว่า “เพราะพวกคุณรู้ดีว่าจะต้องขุดคุ้ยแคมเปญนโยบายของเขาขึ้นมาตรวจสอบอย่างละเอียด เพื่อจะรู้ว่านโยบายที่เบอร์นีเสนอนั้นต้องใช้เงินมากเท่าไหร่ และจะเอาเงินจากที่ไหนมาโปะ และรวมไปถึงนโยบายเงินภาษีซึ่งเป็นแหล่งรายได้อีก ซึ่งสิ่งเหล่านั้นที่ว่ามายังไม่เคยเกิดขึ้น แต่กับฮิลลารีแล้ว สิ่งเหล่านี้ล้วนคุ้นเคยดีในการถูกตรวจสอบ” ซึ่งในสายตาโอบามา นโยบายของแซนเดอร์สที่เป็นเสมือนผู้ที่อยู่ในอุดมคติยังไม่เคยได้รับการตรวจสอบอย่างเข้มข้นจากสื่ออย่างจริงจัง แต่ต่างจาก ฮิลลารี คลินตัน ที่มีการเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าบริหารประเทศมาอย่างยาวนาน นับตั้งแต่ปี 2008 และโอบามายังยอมรับด้วยในการให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ว่า คลินตันเป็นนักการเมืองที่มีการเตรียมตัวเพื่อนั่งในตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯเกือบจะมากกว่าใครๆในประวัติศาสตร์การเมืองอเมริกา
ทั้งนี้ NBC NEWS วิเคราะห์ต่อว่า ไม่น่าแปลกใจนักเมื่อพบว่า ประธานาธิบดีโอบามาเลือกที่จะยืนเคียงข้างคลินตันมากกว่าแซนเดอร์ส เพราะโอบามาเป็นหนึ่งใน Democratic Establishment และยิ่งในการให้สัมภาษณ์ล่าสุดของผู้นำสหรัฐฯ ยิ่งตอกย้ำให้รู้ว่า โอบามาต้องการให้คลินตันเป็นตัวแทนสานต่อความสำเร็จในสิ่งที่เขาได้ทำไว้ มากกว่าที่จะเลือกคนนอกพรรคเช่น เบอร์นี แซนเดอร์ส
นอกจากนี้ เอพียังรายงานเพิ่มเติมถึงฝั่งรีพับลิกันว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ยังนำอย่างต่อเนื่องในฝั่งพรรค GOP (รีพับลิกัน) อันเก่าแก่ ที่ตามมาติดด้วยสว. เท็ด ครูซ จากรัฐเทกซัส ซึ่งล่าสุดเพิ่งได้รับการสนับสนุนอย่างเป็นทางการโดยเกล็น เบค นักจัดรายการชื่อดังในฝั่งอนุรักษ์ และมีอันดับ 3ตามทรัมป์มา เช่น ส.ว.รัฐฟลอริดา มาร์โก รูบิโอ ที่สวมบทบาทลูกชายอพยพเข้าเมืองที่ประสบความสำเร็จในอเมริกันดรีมแบบเต็มขั้น
เอพีชี้ว่า ทรัมป์ได้เขย่าโลกการเมืองฝั่งรีพับลิกันด้วยคุณสมบัติส่วนตัวที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร เป็นผู้นำกระแสทุกด้านและทำให้ผู้สมัครคนอื่นต้องตาม ไม่ว่าจะเป็นนโยบายการให้เม็กซิโกเป็นผู้รับภาระออกค่าใช้จ่ายสร้างกำแพงปิดฝั่งภาคใต้ของสหรัฐฯ หรือการประกาศไม่ต้อนรับชาวมุสลิมเข้าประเทศโดยไม่สนใจว่าคนเหล่านั้นจะเป็นพลเมืองสหรัฐฯ หรือไม่ และยังทำให้เป็นกระแสลามเข้าไปยังรัฐสภาอังกฤษจนเป็นที่ถกเถียง รวมไปถึงความสามารถด้านการเงินส่วนตัวที่ไม่ต้องพึ่งทุนจากกลุ่มซูปเปอร์แพคของพรรค
ทรัมป์ยังมีความสามารถพิเศษ ที่สามารถดับกระแสตัวเต็งอันดับอื่นๆที่ตามมาไล่หลังบนโพลสำนักต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นข้อครหาในกรณีทุนการศึกษาวิทยาลัยการทหารของนายแพทย์เบน คาร์สัน จนถึงล่าสุดออกมาเขย่า เท็ด ครูซ ในเรื่องประเด็นความเป็นพลเมืองสหรัฐฯ หลังจากมีผลโพลชี้ว่า ครูซตามมาไล่หลัง และล่าสุดยังได้กล่าววิพากษ์ เจบ บุช น้องชายอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ จอร์จ ดับเบิลยู. บูช ที่มีคะแนนทิ้งห่าง จนต้องพึ่งพาให้ ลอรา บุช อดีตสุภาพสตรีหมายเลข 1 ขึ้นเวทีช่วย
ถึงแม้จะมีข่าวว่า Republican Establishment กลุ่มมีอำนาจในพรรครีพับลิกันจะไม่ปลื้มทรัมป์มากเพียงใด แต่ทว่าเอพีชีว่าในผลโพลล่าสุดกลับยังชี้ว่า ทรัมป์และครูซจะมีผลสูสีใกล้กันมากในรัฐไอโอวา ส่วนในรัฐนิวแฮมเชียร์ ทรัมป์จะมีคะแนนนำครูซ