เอเจนซีส์ – เกิดเหตุเรือผู้อพยพล่มนอกชายฝั่งกรีซในวันศุกร์ (22 ม.ค.) ทำให้มีผู้เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 42 คน รวมถึงเด็กจำนวน 17 คน
NBC NEWS รายงานเมื่อวานนี้ (22 ม.ค.) ว่า มีผู้อพยพที่สามารถรอดชีวิตหลายสิบคนถูกช่วยมาได้หลังจากข้ามทะเลอีเจี้ยนจากตุรกีมายังกรีซเพื่อเดินทางลี้ภัยเข้าสู่ยุโรป เจ้าหน้าที่ยามฝั่งกรีซให้สัมภาษณ์กับสื่อสหรัฐฯ
สื่อสหรัฐฯ รายงานเพิ่มเติมต่อว่า นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมล่าสุดเป็นต้นมา พบผู้อพยพที่เดินทางเข้ายุโรปทั้งทางบกและทางทะเลมีจำนวนตัวเลขอย่างเป็นทางการที่ 36,781 คน ซึ่งองค์การโยกย้ายถิ่นฐานระหว่างประเทศ IOM ได้เผยตัวเลขว่ามีผู้ลี้ภัยจำนวน 181 คนนั้นสูญหาย หรือจมน้ำหายไป
NBC NEWS รายงานเพิ่มเติมว่า ในเช้าวันศุกร์ (22) มีการสังเกตพบเรือพายทำด้วยไม้นอกฝั่งทางเกาะฟาร์มาโคนิซิ (Farmakonisi) ในทะเลอีเจี้ยนตะวันออก บนเรือไม้ลำนี้แน่นขนัดไปด้วยผู้ลี้ภัยราว 49 คน แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ยามฝั่งกรีซเผย และกล่าวต่อว่า มีคนจำนวน 40 คนสามารถรอดชีวิตขึ้นฝั่งมาได้ แต่ทว่าทางเจ้าหน้าที่กรีซได้พบศพเด็ก 6 คนและผู้หญิงอีก 2 คนภายหลัง
และในวันเดียวอีกด้านหนึ่ง เจ้าหน้าที่กองทัพสังเกตพบเรือพายทำด้วยไม้อีกลำลอยอยู่นอกฝั่งเกาะคาโลลิมนอส (Kalolimnos) ส่งผลทำให้ทางกองทัพกรีซส่งทั้งกำลังทางอากาศ ซูปเปอร์พูมา เฮลิคอปเตอร์ และทางเรือที่สนธิกำลังกับหน่วยยามฝั่งกรีซเพื่อไปช่วยเหลือผู้ลี้ภัยอย่างเร่งด่วน สามารถพบศพผู้หญิง 16 คน ชาย 7 คน เด็ก 11 คน และช่วยชีวิตผู้อพยพได้อีก 26 คนจากน้ำได้สำเร็จ
อย่างไรก็ตาม ปฏิบัติการค้นหาผู้รอดชีวิตยังดำเนินต่อไป ทั้งนี้สื่อสหรัฐฯชี้ว่า อุบัติเหตุเรือล่มครั้งนี้เกิดจากกลุ่มลักลอบค้ามนุษย์ใช้เรือที่ไม่ได้มาตรฐานขนผู้ลี้ภัยข้ามฝั่งจนทำให้เกิดโศกนาฏกรรมขึ้น