รอยเตอร์ - มีผู้คนอย่างน้อย 42 คนจมน้ำเสียขีวิต ในนั้นเป็นเด็กถึง 17 ราย หลังเรือของพวกเขาเกิดอัปปางนอกเกาะ 2 แห่งของกรีซ ใกล้ชายฝั่งตุรกีในวันศุกร์(22ม.ค.) กลายเป็นวันที่มีผู้อพยพต้องมาจบชีวิตระหว่างเสี่ยงตายฟันฝ่าการเดินทางที่เต็มไปด้วยอันตรายมุ่งหน้าจากตุรกีสู่ยุโรปมากที่สุดวันหนึ่ง
เจ้าหน้าที่ชายฝั่งเผยผู้รอดชีวิตเล่าให้ฟังว่าเรือใบไม้ที่บรรทุกผู้อพยพหลายสิบคนเกิดจมลงนอกชายฝั่งเกาะคาโลลิมนอส ในทะเลอีเจียน ใกล้ชายฝั่งตุรกี โดยเจ้าหน้าที่สามารถช่วยผู้รอดชีวิตได้ 26 คนและกู้ร่างไร้วิญญาณขึ้นมาได้ 34 ศพ นับเป็นหนึ่งในโศกนาฏกรรมเลวร้ายในรอบหลายเดือน แต่ไม่ชัดเจนว่าอะไรคือสาเหตุของเรืออัปปางครั้งนี้
นอกจากนี้แล้วเรือผู้อพยพอีกลำได้อัปปางแถวๆเกาะฟาร์มาโคนิซี ที่อยู่ใกล้ชายฝั่งของตุรกีเช่นกัน ทำให้เด็ก 6 คนและผู้หญิง 2 คนจมน้ำเสียชีวิต หลังจากเรือไม้ของพวกเขาชนกับก้อนหินระหว่างการเดินทางยามค่ำคืนราวๆเที่ยงคืนของวันพฤหัสบดี(21ม.ค.)
"ผู้อพยพคนอื่นๆ 40 คนบนเรือสามารถว่ายน้ำขึ้นฝั่งได้สำเร็จ" ยามชายฝั่งระบุในถ้อยแถลง "เมื่อคืนนี้เป็นอีกครั้งที่พวกลักลอบค้ามนุษย์ที่ไร้ความปราณีตามแนวชายฝั่งตุรกี เร่งรีบยัดผู้อพยพและผู้ลี้ภัยหลายสิบคนขึ้นเรือที่ง่อนแง่นและไม่สมควรออกทะเล จนทำให้คนบริสุทธิ์ แม้กระทั่งเด็ก ต้องลงเอยด้วยการเสียชีวิต"
องค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน บอกว่าการเสียชีวิตของผู้อพยพและผู้ลี้ภัยในทะเลเมดิเตอร์เนียนคราวนี้ ทำให้มันหนึ่งในเหตุเรืออัปปางที่คร่าชีวิตผู้อพยพและผู้ลี้ภัยมากที่สุดในเดือนมกราคม
มีผู้ลี้ภัยและผู้อพยพที่ล่องเรือข้ามทะเลมายังยุโรปเพิ่มขึ้นเป็นราวๆ 37,000 คนในเดือนมกราคม มากกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปี 2014 และ 2015 รวมกันถึง 6 เท่า เนื่องจากปกติแล้วเดือนนี้จะมีผู้เดินทางค่อนข้างน้อยเพราะสภาพอากาศเลวร้าย
ผู้ลี้ภัยหลายหมื่นคน ส่วนใหญ่เป็นชาวซีเรียที่หลบหนีภัยสงคราม เสี่ยงตายฟันฝ่าทะเลที่เป็นเต็มไปด้วยอันตรายจากตุรกีมุ่งหน้าสู่เกาะต่างๆของกรีซ เพื่อเดินทางต่อไปยังแผ่นดินใหญ่ของกรีซ และมุ่งหน้าขึ้นเหนือไปยังยุโรปตะวันตก