รอยเตอร์ - ผู้อพยพหลายพันคนพากันโวยวายในวันจันทร์ (19 ต.ค.) ขอข้ามพรมแดนจากเซอร์เบียเพื่อเข้าสู่ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปอย่างโครเอเชีย ขณะที่การเดินทางสู่ตะวันตกของเหล่าผู้อพยพต้องช้าลงเพราะความพยายามของสโลวีเนียที่จะจำกัดการหลั่งไหลของผู้อพยพเข้าสู่ยุโรปตะวันตก
นักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ตำรวจโครเอเชียได้ขวางเหล่าผู้อพยพที่ต้องการเข้าประเทศเอาไว้ เนื่องจากค่ายผู้ลี้ภัยของพวกเขานั้นมีคนอยู่เต็มความจุแล้ว ขณะเดียวกัน ที่ฝั่งตะวันตกของโครเอเชีย มีผู้อพยพราว 2,000 คนต้องหลับนอนกันบนรถไฟที่ติดค้างใกล้กับชายแดน เนื่องจากสโลวีเนียปฏิเสธที่จะให้คนเหล่านั้นเข้าประเทศ
เนื่องจากฮังการีได้ปิดพรมแดนฝั่งที่ติดกับโครเอเชียเพื่อไม่ให้ผู้อพยพเดินทางผ่านตอนเที่ยงคืนวันศุกร์ การหลั่งไหลของผู้อพยพจึงได้เบี่ยงเส้นทางไปสู่สโลวีเนียซึ่งจะเป็นทางไปออสเตรียและเยอรมนี เป้าหมายยอดนิยมของผู้อพยพที่ส่วนใหญ่ลี้ภัยสงครามมาจากซีเรีย
อย่างไรก็ตาม สโลวีเนียได้จำกัดจำนวนให้เข้าประเทศได้แค่วันละประมาณ 2,500 ราย โดยบอกว่าจะรับเข้าตามจำนวนที่ออกไปสู่ออสเตรีย
สโลวีเนียระบุว่า ออสเตรียยอมรับผู้อพยพเข้าประเทศไว้ที่ 1,500 ราย ซึ่งน้อยลงกว่าแต่ก่อนมาก อย่างไรก็ตาม กระทรวงมหาดไทยออสเตรียบอกว่ายังไม่ยืนยันข้อมูลนี้
ในแต่ละวันมีผู้อพยพมากกว่า 5,000 คนข้ามพรมแดนประเทศแถบบอลข่าน ด้วยเรือจากตุรกีมาที่กรีซ จากนั้นเดินทางเข้าสู่มาเซโดเนียและเซอร์เบีย สองชาติที่เคยเป็นอดีตยูโกสลาเวีย
นักข่าวรอยเตอร์ที่อยู่ในฝั่งเซอร์เบีย ใกล้ชายแดนโครเอเชีย รายงานว่า ไม่มีตำรวจเข้ามาช่วยดูแลความสงบเรียบร้อยเลย ส่วนบรรดาผู้อพยพที่ทั้งหนาวและเหนื่อยล้าก็พากันตะโกน “เปิดประตู! เปิดประตู!”
การมาถึงชายฝั่งยุโรปที่คาดว่าในปีนี้จะมีถึง 700,000 ราย ของบรรดาผู้อพยพที่หนีภัยสงครามและความยากจนในตะวันออกกลาง แอฟริกา และเอเชีย โดยใช้เรือข้ามทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและทะเลอีเจียน ได้เปิดโปงให้โลกได้เห็นถึงด้านที่น่าเกลียดของสหภาพยุโรป
รัฐบาลเอียงขวาของฮังการีบอกว่า ผู้อพยพที่ส่วนใหญ่เป็นมุสลิมนั้นถือเป็นภัยคุกคามต่อยุโรป ทั้งความเจริญรุ่งเรืองและความมั่นคง รวมถึงเป็นภัยต่อคุณค่าของชาวคริสต์ พร้อมทั้งปิดพรมแดนฝั่งที่ติดกับเซอร์เบียและโครเอเชียด้วยรั้วเหล็ก ทั้งยังออกกฎหมายใหม่ที่เข้มงวด ซึ่งบรรดากลุ่มที่ดูแลด้านสิทธิมนุษยชนระบุว่าเป็นการปฏิเสธสิทธิในการหาความคุ้มครอง