เอเอฟพี/มาร์เกตวอชต์ - น้ำมันขึ้นเล็กน้อยเมื่อวันพฤหัสบดี (14 ม.ค.) เป็นการฟื้นตัวทางเทคนิคหลังทรุดลงไปแตะระดับต่ำสุดในรอบ 12 ปีระหว่างการซื้อขายในวันอังคาร ปัจจัยนี้ประกอบกับรายงานผลประกอบการบริษัทดันวอลล์สตรีทพุ่งแรง สวนทางกับทองคำที่ปิดลบหนัก
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 72 เซ็นต์ ปิดที่ 31.20 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกันเพิ่มขึ้น 72 เซ็นต์ ปิดที่ 31.03 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
2 สัปดาห์หลังจากเข้าสู่ปี 2016 น้ำมันขยับลงมาแล้วกว่า 15 เปอร์เซ็นต์ ด้วยนักลงทุนกังวลต่อภาวะอุปทานล้นตลาดอันยืดเยื้อและแนวโน้มอุปสงค์ที่ไม่แน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจีน
ราคาน้ำมันเวสต์เทกซัสขยับลงหลุด 30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลระหว่างการซื้อขายในวันอังคาร (12 ม.ค.) และจากนั้นน้ำมันดิบเบรนต์ก็เคลื่อนไหวแบบเดียวกันในวันพุธ (13 ม.ค.) ส่งผลให้น้ำมันดิบทั้งสองสัญญาแตะระดับต่ำสุดในรอบ 12 ปี
ส่วนความเคลื่อนไหวในวันพฤหัสบดี (14 ม.ค.) บาร์ต มาเลค หัวหน้าฝ่ายยุทธศาสตร์สินค้าโภคภัณฑ์ของทีดี ซีเคียวริตีส์ ระบุว่า “สิ่งที่เราเห็นคือ มันเป็นแค่การฟื้นตัวทางเทคนิค”
ปัจจัยราคาพลังงาน ประกอบกับรายงานผลประกอบการไตรมาส 4 อันแข็งแกร่งของเจพีมอร์แกน เชส ผลักให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันพฤหัสบดี (14 ม.ค.) พุ่งแรง
ดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 227.64 จุด (1.41 เปอร์เซ็นต์) ปิด16,379.05 จุด เอสแอนด์พีเพิ่มขึ้น 31.56 จุด (1.67 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,921.84 จุด แนสแดคเพิ่มขึ้น 88.94 จุด (1.97 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,615.00 จุด
การขยับขึ้นของตลาดทุนมีขึ้นหลังจาก เจพี มอร์แกน วาณิชธนกิจของสหรัฐฯ เริ่มต้นฤดูกาลเผยแพร่ผลประกอบการของเหล่าธนาคารยักษ์ใหญ่ ด้วยระบุว่าในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปีก่อนบริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้น 10.2 เปอร์เซ็นต์ เป็น 5,400 ล้านดอลลาร์ เหนือกว่าที่คาดหมาย
นักวิเคราะห์ยังอ้างถึงการฟื้นตัวของราคาน้ำมันที่เป็นหนึ่งปัจจัยบวกของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ด้วยเอ็กซอนโมบิล สมาชิกดาวโจนส์และเชฟรอน ปิดบวกร้อยละ 4.6 และ 5.1 ตามลำดับ
ส่วนราคาทองคำเมื่อวันพฤหัสบดี (14 ม.ค.) ปิดลบหนัก หลังการพุ่งทะยานของตลาดหุ้นสหรัฐฯ เบี่ยงเบนความสนใจของนักลงทุนไปจากสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 13.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,073.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์