เอเจนซีส์ / MGR online – รัฐบาลเดนมาร์กเตรียมงัดมาตรการเด็ดเรียกเก็บเงิน จากบรรดาผู้อพยพลี้ภัยเพื่อแลกกับการพักอาศัยในประเทศระหว่างการยื่นเรื่องขอลี้ภัย
รายงานข่าวซึ่งอ้างมาร์คุส คนุธ โฆษกรัฐบาลเดนมาร์กระบุว่า รัฐสภาของเดนมาร์กได้ผ่านร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องแล้วในวันพุธ (13 ม.ค.) โดยกฎหมายฉบับใหม่ที่กำลังจะมีผลบังคับใช้ในเร็วๆ นี้ ระบุ ผู้อพยพลี้ภัยทุกรายที่เดินทางเข้าสู่เดนมาร์กโดยมีเงินสดติดตัวมากกว่า 10,000 โครเนอร์ (หรือราว 51,100 บาท) จะต้องนำเงินติดตัวส่วนที่เกิน 10,000 โครเนอร์ มาจ่ายให้กับทางการเดนมาร์ก เพื่อเป็นค่าที่พักและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ระหว่างรอกระบวนการขอลี้ภัยในประเทศ
นอกเหนือจากการออกกฎหมายใหม่เพื่อเรียกเก็บเงินจากบรรดาผู้ลี้ภัยที่ส่วนใหญ่เป็นชาวซีเรียแล้ว รัฐบาลโคเปนเฮเกนยังเตรียมผลักดันมาตรการอื่นๆ ที่ถูกกลุ่มเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนโจมตีว่า เป็นการลิดรอนสิทธิเสรีภาพของผู้อพยพเหล่านี้ ซึ่งรวมถึงการไม่อนุญาตให้ผู้อพยพชาวซีเรียอาศัยอยู่ในเดนมาร์กนานเกิน 1 ปี หากผู้อพยพรายนั้นๆ ไม่สามารถหาหลักฐานมายืนยันได้ว่า ชีวิตของพวกตนตกอยู่ในอันตรายหากยังคงอาศัยอยู่ในแผ่นดินเกิดที่ซีเรีย ขณะที่ผู้อพยพที่เป็นคู่สมรสที่ยังไม่มีบุตรอาจจะต้องรอนานอย่างน้อย 3-5 ปีกว่าที่ทางการเดนมาร์กจะพิจารณารับเข้ามาลี้ภัยในประเทศอย่างเป็นทางการ
ก่อนหน้านี้ ทางการเดนมาร์กประกาศบังคับใช้มาตรการควบคุมการผ่านเข้า-ออกตลอดแนวพรมแดน ของตน ด้านที่ติดต่อกับเยอรมนี หวังจำกัดการไหลบ่าของคลื่นผู้อพยพจากตะวันออกกลางโดยเฉพาะผู้อพยพจากซีเรีย เข้าสู่ประเทศของตน ทั้งนี้ เป็นการเปิดเผยของลาร์ส ล็อกเก รัสมุสเซน นายกรัฐมนตรีเดนมาร์กเมื่อ 4 ม.ค.
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของรัฐบาลโคเปนเฮเกนมีขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมง หลังจากที่รัฐบาลของชาติเพื่อนบ้านอย่างสวีเดนประกาศมาตรการควบคุมการใช้ สะพานและอุโมงค์ทุกแห่งที่เชื่อมต่อกับเดนมาร์ก เพื่อจำกัดจำนวนผู้อพยพที่เดินทางเข้าสู่ประเทศของตน โดยใช้เดนมาร์กเป็นทางผ่าน
นอกเหนือจากการควบคุมการใช้สะพานและอุโมงค์อย่างเข้มงวดแล้ว ทางการสวีเดนยังประกาศให้บรรดาบริษัทผู้ให้บริการรถไฟ รถบัสโดยสาร และเรือเฟอร์รีทุกแห่งต้องทำการตรวจสอบภาพถ่ายของผู้โดยสารทุกราย ที่เดินทางมาจากเดนมาร์ก ซึ่งถือเป็นความพยายามจำกัดการไหลทะลักเข้าสู่สวีเดนของเหล่าผู้อพยพหนีภัยสงครามจากตะวันออกกลาง ที่รัฐบาลสต็อคโฮล์มออกมายอมรับก่อนหน้านี้ว่า ตนเอง “รับมือไม่ไหว”
ลาร์ส ล็อกเก รัสมุสเซน นายกรัฐมนตรีของเดนมาร์ก ระบุว่า ความเคลื่อนไหวของชาติเพื่อนบ้านของตนในกลุ่ม “นอร์ดิก” ได้สร้างผลกระทบไม่ต่างจากการล้มของ “โดมิโน” ที่บีบให้เดนมาร์ก “ไม่มีทางเลือกอื่น” นอกเหนือจากต้องบังคับใช้มาตรการจำกัดการเข้าประเทศของบรรดาผู้อพยพอย่างเข้มงวดด้วยเช่นกัน
ที่ผ่านมา เดนมาร์กได้รับคำร้องขอลี้ภัยจากผู้อพยพแล้วกว่า 21,000 รายในปี 2015 แต่ยังน้อยกว่าชาติเพื่อนบ้านอย่างสวีเดนที่ได้รับคำร้องขอลี้ภัยจากผู้อพยพ เกือบ 163,000 รายจากตะวันออกกลางในปีที่ผ่านมา
ด้านมาร์ติน เชเฟอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของเยอรมนีออกมาแถลงยอมรับว่า เขตปลอดวีซ่า “เชงเก้น” กำลังตกอยู่ในอันตรายอย่างยิ่งยวดและถูกทดสอบจากวิกฤตการไหลบ่าของผู้อพยพจากตะวันออกกลางเข้าสู่ยุโรป ตลอดจนถือเป็นความท้าทายที่สำคัญยิ่งต่อหลักการที่ว่าด้วยเสรีภาพในการอพยพ เคลื่อนย้ายของผู้คนและแรงงานยุโรป
รัฐบาลของหลายประเทศในยุโรปเริ่มแสดงความกังวลเพิ่มมากขึ้น ต่อการเปิดประตูรับผู้อพยพเข้าประเทศหลังเกิดเหตุก่อวินาศกรรม 6 จุดกลางกรุงปารีสของฝรั่งเศส ซึ่งมีการตรวจสอบพบหลักฐานว่า ผู้ลงมือก่อเหตุโจมตีนครหลวงของฝรั่งเศสเมื่อเดือนพฤศจิกายนหลายรายเป็น สมาชิกกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) จากซีเรีย ที่แฝงตัวปะปนมากับคลื่นผู้อพยพซีเรียที่มุ่งหน้าเข้าสู่ยุโรป