เอเอฟพี / เอเจนซีส์ / MGR online - มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 3 รายแล้วจากการติดเชื้อไวรัส “ไข้หวัดหมู” ในประเทศอาร์เมเนียนับตั้งแต่เริ่มศักราชใหม่ปี 2016 เป็นต้นมา ทั้งนี้ เป็นการยืนยันของทางกระทรวงสาธารณสุขของอาร์เมเนียในวันจันทร์ (11 ม.ค.) ขณะที่การแพร่ระบาดของไวรัสชนิดนี้ในประเทศเพื่อนบ้านอย่างอิหร่านในช่วงก่อนหน้านี้ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตไปมากกว่า 100 ราย
รายงานข่าวซึ่งอ้างการเปิดเผยของอนาฮิต ฮัยตายาน โฆษกหญิงของกระทรวงสาธารณสุขอาร์เมเนียระบุว่า นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมเป็นต้นมาพบผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดหมูสายพันธุ์เอช1เอ็น1 ในประเทศของตนแล้วอย่างน้อย 3 ราย โดยที่ผู้เสียชีวิตทั้งหมดถูกส่งเข้ามาอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ “ช้าเกินไป” และผู้เสียชีวิตทุกรายต่างเผชิญกับโรคแทรกซ้อนชนิดอื่นๆ ร่วมด้วย
อย่างไรก็ดี โฆษกหญิงของกระทรวงสาธารณสุขอาร์เมเนียยืนยันว่า แม้จะมีผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ไปแล้วถึง 3 รายนับตั้งแต่เริ่มศักราชใหม่เป็นต้นมา แต่ยังไม่ถือว่าอาร์เมเนียกำลังเผชิญกับภาวะแพร่ระบาดของเชื้อมรณะนี้ พร้อมเรียกร้องให้ประชาชนอยู่ในความสงบและอย่าตื่นตระหนกกับข่าวการเสียชีวิตที่ถูกเผยแพร่ออกมา
ก่อนหน้านี้ ประเทศเพื่อนบ้านของอาร์เมเนียอย่างอิหร่านต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสเอช1เอ็น1 ด้วยเช่นเดียวกัน เป็นเหตุให้มีผู้ติดเชื้อมากกว่า 1,000 ราย และมีผู้เสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 112 รายนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา
เมื่อวันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมา ทางการคอสตาริกาออกมายืนยันว่ามีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 14 รายในประเทศของตนซึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาคอเมริกากลางในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา จากผลพวงของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ H1N1 หรือเชื้อไข้หวัดหมูซึ่งเป็นชนิดเดียวกับที่เคยระบาดหนักไปทั่วโลกเมื่อปี 2009
โดย เฟร์นันโด ยอร์กา รัฐมนตรีสาธารณสุขของคอสตาริกา แถลงต่อผู้สื่อข่าวที่กรุงซานโฮเซในวันพุธ (6) โดยยืนยันผลตรวจสอบจากห้องปฏิบัติการในสถาบันวิจัยสุขภาพของมหาวิทยาลัยคอสตาริกา (University of Costa Rica) ที่ระบุว่า จนถึงขณะนี้พบผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ H1N1 หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อว่า “ไข้หวัดหมู” ในประเทศของตนแล้ว 14 ราย และยังมีผู้เสียชีวิตอีก 5 รายที่ต้องรอผลตรวจยืนยันจากห้องปฏิบัติการว่าเสียชีวิตเพราะติดเชื้อมรณะดังกล่าวด้วยหรือไม่
ด้านโรซิโอ ซาเอนซ์ ผู้อำนวยการสำนักงานความมั่นคงทางสังคมของคอสตาริกา ออกมายืนยันว่า ไวรัสที่พบการแพร่ระบาดล่าสุดในประเทศของตนเวลานี้เป็นชนิดเดียวกับเชื้อไวรัสที่เคยแพร่ระบาดเมื่อช่วงปี 2009 แต่ย้ำว่าระดับของการแพร่ระบาดในขณะนี้ยังไม่รุนแรงเท่ากับในปีดังกล่าวที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตสูงถึงราว 18,500 รายใน 214 ประเทศทั่วโลก และยังไม่มีความจำเป็นต้องประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสุขภาพแต่อย่างใด
รายงานข่าวระบุว่า ทางการคอสตาริกาเริ่มรณรงค์ให้ประชาชนของตนใช้มาตรการเชิงป้องกัน เช่น การหมั่นล้างมือ และการใช้ผ้าปิดปากเวลาไอหรือจามเพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายเชื้อและการติดเชื้อ
ทั้งนี้ มีการยืนยันว่าทางการคอสตาริกาได้จัดซื้อวัคซีนสำหรับการรับมือเชื้อไวรัส H1N1 มาเตรียมไว้แล้วมากกว่า 950,000 โดส และจะเริ่มการฉีดวัคซีนนี้แก่ประชาชนของตนในเดือนเมษายนนี้เป็นต้นไป