เอเจนซีส์ – ผู้นำเกาหลีเหนือ “คิม จอง-อึน” ยกย่องนักวิทยาศาสตร์ในประเทศ ว่า เป็นกำลังสำคัญในชัยชนะของโสมแดง สำหรับการทดสอบระเบิดไฮโดรเจนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พร้อมประกาศจะทดสอบระเบิดนิวเคลียร์เพิ่ม โดยไม่สนใจการข่มขู่ของอเมริกา ที่ส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดโชว์แสนยานุภาพเหนือน่านฟ้าโสมขาว
การเผชิญหน้าระหว่างสองเกาหลีตึงเครียดหนักนับจากที่เปียงยางทดสอบสิ่งที่อวดอ้างว่าเป็นระเบิดไฮโดรเจนหรือเอชบอมบ์เมื่อวันพุธที่แล้ว (6) ด้านเกาหลีใต้ตอบโต้ด้วยการกระจายเสียงโจมตีตลอดแนวพรมแดนตั้งแต่วันศุกร์ (8) จนถึงขณะนี้ พร้อมประกาศจำกัดจำนวนพลเมืองเกาหลีใต้ ที่จะเดินทางไปยังนิคมอุตสาหกรรมร่วมในเกาหลีเหนือ
แม้ภายนอก คิมถูกประณามจากทั่วโลก รวมทั้งถูกขู่เพิ่มมาตรการลงโทษสถานหนักจากการทดสอบอาวุธเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่ในประเทศ คิมยังคงอยู่ดีมีสุขและเดินหน้าโครงการโฆษณาชวนเชื่อครั้งใหญ่ที่เชื่อมโยงการทดสอบนิวเคลียร์กับความเป็นผู้นำของตนเอง และสร้างภาพว่า การทดสอบดังกล่าวมีความจำเป็นในการต่อสู้กับความพยายามของอเมริกาในการโค่นล้มระบอบเผด็จการของเกาหลีเหนือ
ในวันจันทร์ คิมถ่ายภาพร่วมกับนักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคที่เกี่ยวข้องกับการทดสอบนิวเคลียร์ โดยยกย่องคนเหล่านั้นสำหรับ “การสรรเสริญ” คิม จอง-อิล พ่อของเขา รวมถึง “คิม อิล-ซุง” ที่เป็นทั้งปู่และผู้ก่อตั้งประเทศ
สำนักข่าวเคซีเอ็นเอของทางการเปียงยาง ยังรายงานว่า คิมแสดงความคาดหวังและความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้า ว่า นักวิทยาศาสตร์เหล่านั้นจะสร้างความคืบหน้าและสร้างนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง ด้วยความกระตือรือร้นและพลังในระดับเดียวกับที่ทำให้การทดสอบเอชบอมบ์ประสบความสำเร็จ บนหลักการของการให้ความสำคัญอันดับแรกในการพัฒนาตนเอง และการบรรลุเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ขึ้นในการวิจัยทางวิทยาศาสตร์เพื่อส่งเสริมการป้องกันประเทศโดยการป้องปรามด้วยนิวเคลียร์
ก่อนหน้านี้ คิมเรียกการทดสอบเอชบอมบ์ว่า เป็น “ขั้นตอนในการป้องกันตัว” ซึ่งหมายถึงการปกป้องภูมิภาคจากอันตรายจากนิวเคลียร์ของลัทธิจักรวรรดินิยมที่นำโดยอเมริกา
ความคิดเห็นนี้เผยให้เห็นข้อมูลเชิงลึกในข้อโต้แย้งยาวนานของเปียงยางที่ว่า การที่อเมริกามีกำลังทหารนับหมื่นนายประจำอยู่ในเกาหลีใต้และญี่ปุ่น และนโยบาย “ปรปักษ์” ของวอชิงตัน เป็นเหตุผลที่เกาหลีเหนือจำเป็นต้องมีอาวุธนิวเคลียร์และจรวดพิสัยไกล
วันอาทิตย์ อเมริกาส่งเครื่องบินทิ้งระเบิด บี-52 จากฐานทัพในกวมบินต่ำใกล้โซล โดยมีเครื่องบินขับไล่ เอฟ-15 ของเกาหลีใต้ และเอฟ-16 ของอเมริกาเอง บินคุ้มกัน ซึ่งแน่นอนว่า เกาหลีเหนือตีความว่า เป็นการคุกคาม
เดนิส แมคโดนัฟ หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว กล่าวว่า การเยือนของบี-52 มีเป้าหมายเพื่อตอกย้ำกับเกาหลีใต้ถึง "การเป็นพันธมิตรที่ลึกซึ้งและยั่งยืน” ระหว่างสองประเทศ
หัวหน้าคณะทำงานทำเนียบขาวยังกล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์สถานีซีเอ็นเอ็น ว่า อเมริกากำลังร่วมมือกับเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น จีน และรัสเซีย เพื่อโดดเดี่ยวและบีบเค้นจนกว่าเกาหลีเหนือจะรักษาคำมั่นที่ให้ไว้ก่อนหน้านี้ในการทำลายอาวุธนิวเคลียร์
อนึ่ง ขณะนี้ มหาอำนาจทั่วโลกกำลังหาวิธีลงโทษเกาหลีเหนือจากการทดสอบนิวเคลียร์ครั้งล่าสุดที่ถือเป็นครั้งที่ 4 ซึ่งแม้ไม่ใช่ระเบิดไฮโดรเจนอย่างที่อวดอ้าง แต่ก็มีแนวโน้มปูทางให้เปียงยางเข้าใกล้เป้าหมายในการสร้างขีปนาวุธนิวเคลียร์ที่ยิงได้ไกลถึงอเมริกา
ด้านรัฐบาลเกาหลีใต้เผยในวันจันทร์ว่าได้มีการหารือกับสหรัฐฯ เกี่ยวกับการเสริม “อาวุธทางยุทธวิธี” เพื่อป้องกันคาบสมุทรเกาหลี
สื่อสหรัฐฯ และเกาหลีใต้คาดการณ์ว่า อาวุธยุทโธปกรณ์ที่วอชิงตันจะส่งมาเสริมเขี้ยวเล็บบนคาบสมุทรเกาหลี อาจรวมถึงเรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์ ยูเอสเอส โรนัลด์ รีแกน ซึ่งขณะนี้ประจำการอยู่ในญี่ปุ่น, เครื่องบินทิ้งระเบิดล่องหน บี-2 และฝูงบินขับไล่ เอฟ-22