เอเจนซีส์ / MGR online – ผลการศึกษาล่าสุดที่มีการเผยแพร่ในวันอังคาร (29 ธ.ค.) โดยสถาบันวิชาการ “Fabian Society and Landman Economics”พบข้อมูลที่ระบุ เด็กจำนวนอีกอย่างน้อย 2 ล้านคนในสหราชอาณาจักรจะต้องใช้ชีวิตเผชิญกับความยากจนเพิ่มขึ้นภายในปี 2030 หรือ 15 ปีข้างหน้า จากผลพวงของมาตรการรัดเข็มขัดและการตัดลดการจ่ายสิทธิประโยชน์ทางสังคมของรัฐบาลเมืองผู้ดี ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอนและพรรคคอนเซอร์เวทีฟ
ผลการศึกษาล่าสุดระบุว่า ความพยายามควบคุมการใช้จ่ายภาครัฐของรัฐบาลสหราชอาณาจักร ผ่านการตัดลดสิทธิประโยชน์ต่างๆ ของประชาชนระดับกลางและระดับล่างทางด้านสวัสดิการสังคม ซึ่งรวมถึง การตัดเงินช่วยเหลือสำหรับ “พ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว” กำลังจะกลายเป็นต้นตอของปัญหาใหม่ในสังคมเมืองผู้ดี นั่นคือ การเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วของ “เด็กยากจน”
รายงานชิ้นดังกล่าวระบุว่า ภายในปี ค.ศ.2030 หรือ 15 ปีนับจากนี้ จำนวนของเด็กที่ต้องเผชิญกับความยากจนในสหราชอาณาจักรจะเพิ่มจำนวนขึ้นเป็นกว่า 4.4 ล้านคน จากระดับ 2.5 ล้านคนในปัจจุบัน
ในจำนวนเด็กยากจนที่คาดว่าจะเพิ่มจำนวนขึ้นเป็นกว่า 4.4 ล้านคนในปี 2030 ดังกล่าว รายงานชิ้นนี้ระบุว่าจะนับรวมถึงเด็กที่ต้องใช้ชีวิตอย่าง “ยากจนสุดขั้ว” มากถึง 800,000 ราย
ทั้งนี้ ผลการศึกษาล่าสุดโดยสถาบัน Fabian Society and Landman Economics ยังระบุว่า นอกเหนือจากจำนวนเด็กยากจนในสหราชอาณาจักรจะเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างสำคัญแล้ว จำนวนของคนยากจนโดยรวมของเมืองผู้ดีในอีกราว 30 ปีนับจากนี้ ก็จะเพิ่มจำนวนขึ้นเป็นกว่า 3.6 ล้านคนด้วยเช่นกัน