เอพี/เอเจนซีส์/ASTVผู้จัดการออนไลน์ - มีตัวเลขเสียชีวิตเพิ่มล่าสุดไม่ต่ำกว่า 11 ราย บาดเจ็บจำนวนหนึ่งหลังจากพายุทอร์นาโดพัดเข้ารัฐเทกซัส โดยเฉพาะที่เมืองดัลลัส และทำความเสียหายเป็นวงกว้างในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ในขณะที่แถบมิดเวสต์ของอเมริกาซึ่งเกิดน้ำท่วมฉับพลัน ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 13 ราย และพบในเช้าวันอาทิตย์ (27 ธ.ค.) มีประชาชนจำวน 25,000 คนต้องทนอยู่โดยไม่มีไฟฟ้าใช้
เอพีรายงานเมื่อวานนี้ (27) ว่า ในช่วงสุดสัปดาห์ล่าสุด สหรัฐฯ ต้องพบกับสภาพอากาศแปรปรวนหนัก ในฝั่งตะวันตก รัฐแคลิฟอร์เนียที่มีอุณหภูมิต่ำเป็นประวัติการณ์ถึง 2 องศาเซลเซียส ในขณะที่ในฝั่งตะวันออก โดยเฉพาะในมหานครนิวยอร์ก ซิตีที่มีอากาศอบอ้าว โดยมีอุณหภูมิไม่ต่ำกว่า 17 องศาเซลเซียส แต่ทว่าที่รัฐนิวเม็กซิโก ซึ่งอยู่ทางใต้ของสหรัฐฯ รวมไปถึงกับทางใต้ของรัฐเทกซัส และรัฐโอกลาโฮมา ต้องเผชิญกับสภาพพายุหิมะตกหนัก ไปจนถึงน้ำท่วมฉับพลัน ส่งผลทำให้ยอดเสียชีวิตรวมไม่ต่ำกว่า 43 ราย ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในรัฐเทกซัส และมี 5 คนในรัฐอิลลินอยส์ 8 คนในรัฐมิสซูรี และอีก 19 คนในแถบตะวันออกเฉียงใต้
เอพีรายงานต่อว่า สภาพความเสียหายเป็นวงกว้างในรัศมีร่วม 40 ไมล์ใกล้กับเมืองดัลลัส ซึ่งเจ้าหน้าที่ท้องที่คาดตัวเลขบ้านเรือนถูกพายุทอร์นาโดทำลายไปราว 1,450 หลัง และมีรถยนต์ได้รับความเสียหายจากพายุ รวมไปถึงสายไฟฟ้าถูกพัดจนตกลงพื้น รวมไปถึงต้นไม่ใหญ่ถูกโค่นลงเนื่องจากความแรงของพายุ
นอกจากนี้ เอพียังรายงานเพิ่มเติมว่า เพราะพายุฝนที่ตกหนัก ลมพัดจัด และสภาพอุณหภูมิที่ลดต่ำอย่างต่อเนื่อง เป็นอุปสรรคต่อเจ้าหน้าที่กู้ภัยในการเก็บซากปรักหักพังเพราะพายุ
โดย ร.ต.ท.เพโดร บารินู (Lt. Pedro Barineau) ประจำสถานีตำรวจเมืองการ์แลนด์ (Garland) ให้ความเห็นว่า “พายุทอร์นาโดครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อชุมชนของเราเป็นอย่างมาก และพวกเราทั้งหมดได้รับผลกระทบที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรง” และบาริโนยังกล่าวว่า ชานเมืองรอบนอกเมืองดัลลัสที่ห่างไปราว 20 ไมล์ทางตะวันออกเฉียงเหนือ มีผู้เสียชีวิต 8 ราย ได้รับบาดเจ็บอีก 15 ราย และมีสิ่งปลูกสร้างที่ส่วนใหญ่เป็นบ้านพักได้รับความเสียหายถึง 600 หลัง
หน่วยงานตรวจสภาพอากาศสหรัฐฯ แถลงว่า พายุทอร์นาโด EF-4 ซึ่งถือเป็นพายุที่ถูกจัดอยู่ในขั้นร้ายแรงเป็นลำดับที่ 2 ซึ่งมีความเร็วของลมไม่ต่ำกว่า 200 ไมล์ต่อ ชม. ได้พัดเข้ามาที่เมืองการ์แลนด์ในเวลา 18.45 น.ของวันเสาร์ (26) และพายุทอร์นาโดลูกนี้อยู่ใกล้กับแยกถนนฟรีเวย์ I30 ตัดกับถนนจอร์จบูช เทิร์นไพค์ (George Bush Turnpike) ซึ่งเป็นทางหลักในแถบนี้
เอพีรายงานต่อว่า มีการพบศพ 3 รายเสียชีวิตในรถ บารินูแถลง และให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า มีรถจำนวนหนึ่งถูกพัดออกจากถนนฟรีเวย์ 8 ช่องจราจร ซึ่งในเบื้องต้นยังไม่ทราบว่า ผู้เสียชีวิตในรถทั้ง 3 รายนั้นจบชีวิตได้อย่างไร
เอพีรายงานเพิ่มเติมว่า ด้านผู้ว่าการรัฐเทกซัสคนใหม่ เกร็ก แอ็บบอตต์ (Greg Abbott) ได้ประกาศเขตภัยพิบัติใน 4 เคาน์ตีทั่วรัฐเทกซัสในวันอาทิตย์ (27) ได้แก่ เคาน์ตีดัลลัส(Dallas) เคาน์ตีคอลลิน(Collin) เคาน์ตีร็อกเวล(Rockwall) เคาน์ตีเอลลิส(Ellis)
บีบีซี สื่ออังกฤษรายงานเพิ่มเติมว่า มีประชาชนราว 25,000 คนต้องอยู่โดยไม่มีไฟฟ้าใช้ในวันอาทิตย์เช้า(27)
เอพีรายงานเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ยังพบว่าเกิดน้ำท่วมฉับพลันในเขตมิดเวสต์ และมีทำให้มีผู้เสียชีวิตไปถึง 13 ราย ซึ่งมีน้ำท่วมเกิดขึ้นในรัฐมิสซุรี และรัฐอิลลินอยส์ โดยในส่วนรัฐมิสซูรี ผู้ว่าการรัฐ เจย์ นิกสัน (Jay Nixon) ได้ประกาศภาวะฉุกเฉิน
ซึ่งในช่วงข้ามคืนก่อนหน้านั้นมีผู้เสียชีวิต 6 คน หลังจากรถ 2 คันวิ่งฝ่าไปบนถนนที่มีน้ำท่วมสูงในแถบกลางใต้ของรัฐมิสซูรี และการเสียชีวิต 2 รายเกิดขึ้นเนื่องจากอุบัติเหตุน้ำท่วมในเคาน์ตีกรีน(County Greene)
มีรายงานเพิ่มเติมว่า มีผู้เสียชีวิตเป็นผู้ใหญ่ 3 คน และเด็กอีก 2 คนในทางใต้ของรัฐมิสซูรีเนื่องจากจมน้ำในเย็นวันเสาร์ (26) ที่ผ่านมา หลังจากรถที่คนทั้งหมดนั่งโดยสารมา ถูกพัดไปกับกระแสน้ำท่วมที่เชี่ยวกราก และจมลงในบริเวณเขตน้ำท่วมขังสูง
เอพียังรายงานเพิ่มเติมอีกว่า ยอดเสียชีวิตในบริเวณตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐฯ เนื่องมาจากสภาพอากาศเลวร้ายเพิ่มขึ้นเป็น 19 รายเมื่อวานนี้ (27) หลังจากที่มีรายงานว่า มีการพบศพชาย 22 ปีในรถยนต์ที่ถูกกระแสน้ำพัดในขณะกำลังข้ามสะพานที่รัฐแอละแบมา รวมไปถึงมีศพเด็กวัย 5 ปีเสียชีวิตในวันเสาร์ (26) ที่รัฐแห่งนี้ และมีผู้เสียชีวิตอีก 10 รายที่รัฐมิสซิสซิปปี รวมไปถึงอีก 6 รายที่รัฐเทนเนสซี และ 1 รายที่รัฐอาร์คันซอ