เอเจนซีส์/ASTVผู้จัดการออนไลน์ - เมื่อวานนี้ (24 ธ.ค.) ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน และนายกรัฐมนตรีอินเดีย นเรนทรา โมดี ร่วมลงนามข้อตกลงทางการค้าและการทหารถึง MOU16 ฉบับ โดยเฉพาะข้อตกลงให้รัสเซียสร้างโรงงานเตาปฎิกรณ์นิวเคลียร์ถึง 12 โรงในอินเดีย และอินเดียก้าวขึ้นมาในอุตสาหกรรมการทหารของโลก ด้วยการเป็นฐานการผลิตเฮลิคอปเตอร์แบบขับไล่ของรัสเซีย Kamov 226
First Post สื่ออินเดียรายงานวันนี้ (25) การเดินทางไปเยือนกรุงมอสโกของนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีของอินเดีย สร้างความสุขใจให้กับประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ได้มากที่สุดในเวลานี้ ซึ่งในระหว่างที่รัสเซียต้องถูกโลกตะวันตกเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรในต้นสัปดาห์นี้ แต่กระนั้นโมดีได้นำของขวัญมาให้ผู้นำรัสเซียที่ทั้งสองประเทศกระชับความสัมพันธ์ทางยุทธศาสตร์ผ่าน 16 สัญญาหลักที่ได้ลงนามไปในวันพฤหัสบดี (24) 1 วันก่อนเทศกาลคริสต์มาสของนิกายโรมันคาทอลิก
สื่ออินเดียได้สรุปความร่วมมือต่อกันระหว่างทั้งสองชาติดังนี้
- อินเดียและรัสเซียลงนาม MoU จำนวน 16 ฉบับ
- ร่วมมือแบบ “Joint manufacture” ในการผลิตเฮลิคอปเตอร์ขับไล่รัสเซีย Kamov 226
- ก่อสร้างโรงงานเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 12 แห่ง
- ข้อตกลงเฮลิคอปเตอร์ขับไล่รัสเซีย Kamov 226 ทำให้อินเดียเป็นครั้งแรกสามารถก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมทางทหารของโลก
- บริษัทอุตสาหกรรมทางทหารของอินเดีย Anil Ambani controlled Reliance Defence ได้ลงนามข้อตกลงมูลค่า 6 พันล้านดอลลาร์ร่วมกับบริษัททางทหารรัสเซีย Almaz-Ante ในการสร้างระบบป้องกันทางอากาศ ที่แหล่งข่าววงในชี้ว่า “เป็นระบบที่ทางกองทัพอินเดียมีแผนจะจัดซื้อ”
- MOU ข้อตกลงร่วมมือด้านเทคนิคระบบการโดยสารทางรถไฟ
- MOU ข้อตกลงความร่วมมือทางวิศวกรรมเฮลิคอปเตอร์
First Post รายงานว่า ถึงแม้ปูตินจะได้สัญญาก่อสร้างโรงงานผลิตไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ถึง 12 โรง แต่ทว่าในข้อตกลงระบุว่า ต้องมีบริษัทสัญชาติอินเดียร่วมในการก่อสร้างด้วย
สื่ออินเดียชี้ว่า รัสเซียเป็นชาติแรกที่ลงนามข้อตกลงภายใต้ นโยบาย “Make in India” ของโมดี ที่มีหลักการใหญ่ 2 ประการ คือ ด้านนิวเคลียร์ และด้านการป้องกันประเทศ ซึ่งจากแหล่งข่าวใกล้ชิดได้ให้ความเห็นว่าถึงแม้ความร่วมมือระหว่างอินเดียและรัสเซียจะถูกมองว่าเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจอินเดีย แต่ยังคงมีความกังวลว่า รัสเซียได้เพิ่มความใกล้ชิดกับปากีสถาน เพื่อนบ้านที่คล้ายเป็นศัตรูถาวรของอินเดีย
ทั้งนี้ หลังจากที่ได้มีการลงนามทั้งสองฝ่ายแล้ว โมดีได้ออกแถลงการณ์แสดงความยินดีว่า “ในข้อตกลงร่วมมือระหว่างรัฐในการผลิตเฮลิคอปเตอร์ขับไล่ Kamov 226 ในอินเดีย ซึ่งถือเป็นโครงการด้านการทหารแรกภายใต้นโยบาย “Make in India” ในความร่วมมือกับประเทศพันธมิตรทางการทหารที่สำคัญของเรา”
นอกจากนี้ ในการสนทนาแบบทวิภาคของทั้งสองผู้นำ โมดีได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นที่ทุกชาติต้องร่วมมือเพื่อต่อต้านก่อการร้าย “โดยไม่จำกัดในความแตกต่างและการกีดกันระหว่างกลุ่มหรือองค์กรก่อการ และบางประเทศ” ซึ่งมีนัยยะว่า โมดีอาจหมายถึง “ภัยจากปากีสถาน”
นอกจากนี้ โมดียังแถลงต่อในการกล่าวแถลงร่วมกับผู้นำรัสเซียว่า “อินเดียเห็นรัสเซียเป็นเสมือนพันธมิตรที่สำคัญด้านการส่งผ่านทางเศรษฐกิจของอินเดีย และการทำให้เกิดสมดุลทางอำนาจในโลกที่มีปัจจุบันนี้มีหลายขั้วอำนาจค้ำยัน”
ในขณะที่วลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียได้อธิบายถึงข้อตกลงการก่อสร้างโรงงานไฟฟ้าเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ทั้ง 12 แห่งว่า ในส่วนของรัสเซียแล้ว ยูนิตที่ 2 ของโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ คูดันคูลัม (Kudankulam plant) ในรัฐทมิฬนาฑู ซึ่งอยู่ใต้สุดของประเทศจะอยู่ในการดูแลก่อสร้างโดยรัสเซีย ซึ่งจะถูกได้รับอนุญาตภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า และรวมไปถึงการเจรจาในส่วนเฟสยูนิตที่ 3 และยูนิตที่ 4
นิตยสารฟอร์จูน สื่อสหรัฐฯ รายงานเพิ่มเติมต่อว่า รัสเซียสร้างโรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ให้อินเดียสำเร็จเป็นโรงงานแรกในเดือนมิถุนายน 2014 ซึ่งเพราะผลจากการถูกคว่ำบาตรอย่างหนักบังคับให้รัสเซียจำต้องหาตลาดใหม่ และการลงทุนแหล่งใหม่ โดยผู้นำรัสเซียกล่าวในแถลงการณ์ร่วมเมื่อวานนี้ (24) ว่า โรงงานพลังงานนิวเคลียร์แหล่งที่ 2 กำลังจะเสร็จในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้
ในแถลงการณ์ของปูติน จากการรายงานของสื่อสหรัฐฯ พบว่า ประธานาธิบดีรัสเซียได้เปิดเผยถึงความร่วมมือทางทหารอย่างใกล้ชิดระหว่างรัสเซียและอินเดียก่อนหน้านี้ เป็นต้นว่า ทั้งสองชาติประสบความสำเร็จในการพัฒนามิสไซล์ บราห์มอส (Brahmos) ซูเปอร์โซนิก สำหรับติดตั้งบนเรือรบซึ่งจะส่งมอบให้กองทัพอินเดียในไม่ช้า
นอกจากนี้ ปูตินยังเปิดเผยว่า ทั้งรัสเซียและอินเดียมีแผนที่จะร่วมมือกันในการผลิตเครื่องบินขับไล่แบบหลากสมรรถนะ และเครื่องบินโดยสาร เป็นต้น
ฟอร์จูนยังรายงานต่อว่า ส่วนความร่วมมือด้านพลังงาน บริษัทพลังงานอินเดีย 2 แห่ง Indian Oil Corporation Limited หรืออินเดียน ออยล์ และ Oil India Limited ได้ออกแถลงการณ์กล่าวว่า ทางบริษัททั้งสองแห่งได้ลงนามข้อตกลง MOU กับบริษัทพลังงานรัสเซีย Rosneft เพื่อเป็นก้าวต่อไปสู่การเข้าซื้อทรัพย์สินของบริษัทขุดเจาะพลังงานและก๊าซธรรมชาติรัสเซีย Taas-Yuriakh oil ในไซบีเรียตะวันออกต่อไป
และนอกจากนี้ ในด้านอื่นๆ ปูตินยังระบุในแถลงการณ์ร่วมในตอนท้ายว่า รัสเซียเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งของอินเดีย และพร้อมให้การสนับสนุนเพื่อให้อินเดียสามารถมีที่นั่งเป็นสมาชิกถาวรในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ที่มีจีนเป็นชาติเอเชียเพียงชาติเดียวอยู่ในนั้น