เอเอฟพี - ขณะที่ผู้คนทั่วโลกกำลังเตรียมต้อนรับเทศกาลคริสต์มาสที่จะมาถึงในอีก 2 วันข้างหน้า ทั่วทั้งบรูไนดารุสซาลามกลับไม่มีแสงไฟจากต้นคริสต์มาส หรือแม้แต่หมวกซานตาคลอสให้เห็น เนื่องจากรัฐบาลมีคำสั่งห้ามประชาชนจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองเทศกาลซึ่งไม่สอดคล้องกับหลักศาสนาอิสลาม
สมเด็จพระราชาธิบดี สุลต่าน ฮัจญี ฮัซซานัล โบลเกียะห์ แห่งบรูไน ทรงประกาศไว้ตั้งแต่ปีที่แล้วว่าจะเริ่มนำกฎหมายอิสลาม (ชารีอะห์) มาบังคับใช้อย่างจริงจัง รวมถึงบทลงโทษทางศาสนาที่รุนแรง เช่น ปาหินจนตาย หรือตัดมือ-เท้า
บรรดาผู้นำศาสนาก็ได้ออกมาเตือนเช่นกันว่า คำสั่งห้ามเฉลิมฉลองคริสต์มาสจะถูกบังคับใช้อย่างเข้มงวด เพื่อไม่ให้ชาวมุสลิมหลงไปกับวัฒนธรรมอื่นๆ ที่ไม่ใช่อิสลาม
“การนำสัญลักษณ์ทางศาสนามาใช้ ไม่ว่าจะเป็นไม้กางเขน การจุดเทียน ต้นคริสต์มาส การร้องเพลงศาสนา หรือส่งการ์ดอวยพรในวันคริสต์มาส ล้วนเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักอิสลามทั้งสิ้น” หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นอ้างคำเทศนาของบรรดาอิหม่าม
ทั้งนี้ ผู้ที่ฝ่าฝืนคำสั่งรัฐบาลจะมีโทษจำคุก 5 ปี
รัฐบาลบรูไนประกาศเตือนชาวมุสลิมตั้งแต่ปีที่แล้วว่า การสวมหมวกหรือเครื่องแต่งกายที่คล้ายคลึง “ซานตาคลอส” เข้าข่ายผิดกฎหมาย
แม้ชาวคริสต์บรูไนจะยังสามารถฉลองเทศกาลคริสต์มาสกันได้ตามปกติ แต่รัฐบาลก็ขอร้องไม่ให้จัดงานอย่าง “เอิกเกริกเกินไป”
ทางการบรูไนยังสั่งให้ห้างร้านต่างๆ ถอดสิ่งของประดับประดาในช่วงคริสต์มาสออกให้หมด และส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจตราทั่วเมืองหลวง แม้แต่โรงแรมที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวตะวันตกและเคยมีการประดับไฟคริสต์มาสอย่างยิ่งใหญ่อลังการในปีก่อนๆ ก็มีสภาพเงียบเหงาแห้งแล้งในปีนี้
“คริสต์มาสปีนี้เป็นปีที่น่าเศร้าเสียใจที่สุดสำหรับผม” ชาวมาเลเซียในบรูไนคนหนึ่งให้สัมภาษณ์ โดยไม่ขอเปิดเผยชื่อ
“สิ่งที่ดีที่สุดของคริสต์มาสคือการได้ตื่นนอนขึ้นมา แล้วมีความรู้สึกว่า ถึงวันคริสต์มาสแล้วนะ... แต่ที่นี่ไม่มีอะไรเลยสักอย่าง พวกเรารู้สึกเหมือนถูกลิดรอน”
“ทุกอย่างเป็นความต้องการของสุลต่านเท่านั้น เมื่อปี 2013 ผมยังเคยเห็นชาวมุสลิมกับชาวคริสต์จัดปาร์ตีสังสรรค์ตามบ้าน ทุกอย่างปกติ และเป็นบรรยากาศที่ดีมาก”
ชาวบรูไนส่วนใหญ่ไม่กล้าวิจารณ์คำสั่งของรัฐบาลอย่างเปิดเผย เพราะรู้ดีว่าไม่มีทางทำอะไรได้มากนัก แต่ก็มีบางคนที่โพสต์ภาพงานฉลองคริสต์มาสลงสื่อสังคมออนไลน์ พร้อมติดแฮชแท็ก #MyTreedom เพื่อแสดงพลังต่อต้านการกดขี่ชาวคริสต์
คุณแม่ชาวมุสลิมคนหนึ่งในกรุงบันดาร์เสรีเบกาวัน กล่าวว่า “คำสั่งของรัฐบาลเป็นเรื่องน่าตลก และทำให้คนเข้าใจผิดว่าอิสลามไม่ยอมรับสิทธิของคนศาสนาอื่นที่จะจัดงานฉลองตามความศรัทธาของพวกเขา”
“อิสลามสอนให้เราเคารพซึ่งกันและกัน และฉันคิดว่ามันจะต้องเริ่มจากการให้เกียรติศาสนาอื่นๆ ก่อน แม้สิ่งที่รัฐบาลทำในขณะนี้จะเป็นเพียงการห้ามประดับตบแต่งก็ตาม”
ชาวคริสต์บางคนอดทนยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น และเรียกร้องให้ประชาชนเคารพกฎหมายบ้านเมือง
“ที่นี่เป็นประเทศมุสลิม โบสถ์ก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย โดยจัดเทศกาลคริสต์มาสด้วยการประดับประดาภายในอาคารเท่านั้น” ชาวคริสต์ในบรูไนคนหนึ่ง ให้สัมภาษณ์
“ความหมายของคริสต์มาสสำหรับพวกเราไม่ได้อยู่ที่การตบแต่งเท่านั้นหรอก”
อย่างไรก็ดี คำสั่งห้ามเฉลิมฉลองคริสต์มาสไม่ได้มีผลครอบคลุมไปถึงโรงแรมหรูหลายแห่งในต่างประเทศที่สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไนทรงเป็นเจ้าของ เช่น โรงแรมในเครือดอร์เชสเตอร์ คอลเลกชัน ซึ่งมีสาขาทั้งที่กรุงลอนดอน ปารีส มิลาน และโรม รวมถึงโรงแรม เบเวอร์ลีย์ ฮิลล์ ที่นครลอสแองเจลิส เป็นต้น