เอเอฟพี – ฝนซึ่งตกหนักต่อเนื่องทั่วหมู่เกาะฟิลิปปินส์ในวันนี้ (19 ธ.ค.) ส่งผลให้พื้นที่น้ำท่วมขยายวงกว้าง และมีรายงานผู้เสียชีวิตแล้วถึง 41 ราย ขณะที่ประธานาธิบดี เบนิโญ อากีโน ได้ประกาศภาวะ “ภัยพิบัติแห่งชาติ” และสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งช่วยเหลือประชาชนจากอุทกภัยครั้งเลวร้าย
เจ้าหน้าที่บรรเทาภัยพิบัติท้องถิ่น รายงานว่า พื้นที่การเกษตรบนเกาะมินดาเนาทางตอนใต้ของฟิลิปปินส์ถูกกระแสน้ำไหลเข้าท่วมในวันนี้ (19) หลังจากแม่น้ำอย่างน้อย 2 สายเอ่อล้นตลิ่ง
พายุโซนร้อน “อ็อนย็อก” (Onyok) ได้อ่อนกำลังจนกลายเป็นเพียงหย่อมความกดอากาศต่ำ หลังจากพัดเข้าสู่แผ่นดินเมื่อค่ำวานนี้ (18) แต่ยังคงทำให้มีฝนตกหนักทั่วทั้งเกาะมินดาเนาและหมู่เกาะวิซายัส (Visayas Islands) ทางตอนกลางของฟิลิปปินส์
ลมมรสุมซึ่งพัดเอาความเย็นมาจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือทำให้เกิดฝนตกบนเกาะลูซอน ซึ่งพื้นที่เกษตรกรรมส่วนใหญ่ยังคงจมอยู่ใต้บาดาลจากอิทธิพลของไต้ฝุ่นเมอโลร์ (Melor) ที่พัดเข้าสู่แดนตากาล็อกไปเมื่อต้นสัปดาห์นี้
ก่อนหน้านั้น เรือกสวนไร่นาของชาวบ้านบนเกาะลูซอนก็ถูกทำลายยับเยินโดยไต้ฝุ่นคปปุ (Koppu) เมื่อเดือน ต.ค.
“เกือบทุกพื้นที่ของฟิลิปปินส์จะมีฝนตกในช่วงนี้ จึงอาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันได้อีก” โรเบิร์ต บาดรินา จากสำนักอุตุนิยมวิทยาฟิลิปปินส์ บอกกับเอเอฟพี
“เราคาดว่าวันนี้จะมีฝนตกหนักที่สุด ก่อนที่สภาพอากาศจะค่อยๆ ดีขึ้นในวันพรุ่งนี้”
ประธานาธิบดี อากีโน ได้ประกาศ “ภาวะภัยพิบัติแห่งชาติ” พร้อมสั่งการให้หน่วยงานของรัฐ “เร่งช่วยเหลือประชาชน และฟื้นฟูความเสียหาย”
ทั้งนี้ รัฐบาลจะใช้มาตรการควบคุมราคาสินค้าอุปโภคบริโภคขั้นพื้นฐานในพื้นที่ประสบภัย
สำนักอุตุนิยมวิทยาเตือนปริมาณฝนตกถึง 30 มิลลิเมตรต่อชั่วโมงบริเวณหมู่เกาะตอนกลางของฟิลิปปินส์ เช่น เซบู เนกรอส และโบฮอล และขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงเตรียมพร้อมอพยพตลอดเวลา
ชาวฟิลิปปินส์ราว 140,000 คนบนเกาะลูซอนซึ่งอพยพหนีน้ำท่วมและดินถล่มจากอิทธิพลของไต้ฝุ่นเมอโลร์ ยังคงอาศัยอยู่ตามศูนย์พักพิง
ฟิลิปปินส์ซึ่งมีประชากรราว 100 ล้านคนต้องเผชิญภัยจากพายุไต้ฝุ่นปีละประมาณ 20 ลูก ซึ่งส่วนใหญ่มีความรุนแรง
เมื่อปี 2013 ซูเปอร์ไต้ฝุ่นไห่เยี่ยนได้พัดถล่มหมู่บ้านชาวประมงในภาคกลางของฟิลิปปินส์ จนทำให้มีผู้คนเสียชีวิตหรือสูญหายราว 7,350 คน
