ซีเอ็นเอ็น/เอเอฟพี - ประธานาธิบดีเรเซพ ตอยยิบ เออร์โดกัน ให้สัมภาษณ์พิเศษกับซีเอ็นเอ็นในวันพฤหัสบดี (26 พ.ย.) ประกาศกร้าวว่าตุรกีจะไม่ขอโทษต่อเหตุยิงเครื่องบินรบรัสเซียตก โดยย้ำว่ามันละเมิดน่านฟ้าใกล้ชายแดนซีเรีย ขณะที่มาตรการตอบโต้ของมอสโกเริ่มขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ โดยล่าสุดทางกระทรวงการต่างประเทศเรียกร้องพลเมืองแดนหมีขาวเดินทางกลับมาตุภูมิท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างสองชาติ
“ถ้าผมคิดว่ามีฝ่ายไหนที่ต้องขอโทษ มันคงไม่ใช่เรา” ประธานาธิบดีตุรกีให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นเอ็นในกรุงอังการา “ใครที่ละเมิดน่านฟ้าของเรานั่นแหละที่ต้องเป็นฝ่ายขอโทษ นักบินและกองทัพของเราแค่ปฏิบัติตามหน้าที่ ซึ่งเป็นการตอบสนองที่สอดคล้องกับการละเมิดกฎการใช้กำลัง ผมคิดว่านี่แหละคือสาระสำคัญ”
ความตึงเครียดในตะวันออกกลางลุกโชนขึ้น หลังจากตุรกียิงเครื่องบินรบรัสเซียตก ด้วยเออร์โดแกนกล่าวหารัสเซียว่าคิดไม่ซื่อ ส่วนมอสโกแถลงว่าจะประจำการขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานในซีเรีย
นอกเหนือจากคำพูดที่ชวนทะเลาะของทั้งสองฝ่ายแล้ว รัสเซียกับตุรกียังกล่าวหากันและกันว่าสนับสนุนก่อการร้าย และตอนนี้มอสโกกำลังชักอาวุธทางเศรษฐกิจออกมาเล่นงานอังการา
รัสเซียกำลังจัดทำมาตรการตอบโต้ทางเศรษฐกิจชุดใหญ่ที่จะใช้เล่นงานตุรกี สืบเนื่องจากอังการายิงเครื่องบินรบของแดนหมีขาวตก จากการเปิดเผยของนายกรัฐมนตรีดมิตริ เมดเวเดฟในวันพฤหัสบดี (26 พ.ย.)
เมดเวเดฟกล่าวในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีรัสเซียขณะที่มีการถ่ายทอดออกโทรทัศน์ว่า รัฐบาลแดนหมีขาวเพิ่งมีคำสั่งให้พวกเจ้าหน้าที่จัดตั้งมาตรการตอบโต้ชุดใหญ่ในทางด้านเศรษฐกิจและทางด้านมนุษยธรรม ต่อการกระทำอย่างก้าวร้าวรุกรานเช่นนี้ของตุรกี
เขาบอกว่า ภายใต้กฎหมายของรัสเซีย มาตรการตอบโต้ลงโทษที่สามารถนำมาใช้ได้นั้นมีอยู่กว้างขวาง เป็นต้นว่า การยุติโครงการความร่วมมือกันทางเศรษฐกิจ, การจำกัดการทำธุรกิจทางการเงินและทางการค้า และการเปลี่ยนแปลงอัตราภาษีศุลกากร
ไม่เพียงเท่านั้น มาตรการตอบโต้ลงโทษดังกล่าวยังสามารถพุ่งเป้าไปยังภาคการท่องเที่ยวและการขนส่ง, ตลาดแรงงาน และ “การติดต่อสัมพันธ์กันเพื่อมนุษยธรรม” เมดเวเดฟแจกแจง และพูดต่อไปว่า มาตรการที่จะนำมาใช้จะบรรจุเอาไว้ในรายการซึ่งปรากฏอยู่ในกฤษฎีกาที่ออกโดยประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน
ในขณะเดียวกัน กระทรวงเกษตรกรรมของรัสเซียบอกว่าจะเพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมการนำเข้าอาหารและสินค้าด้านการเกษตรจากตุรกี โดยระบุว่าจะมีการตรวจสอบเพิ่มเติมตามแนวชายแดนและแหล่งผลิตอาหารในตุรกี เพื่อตอบโต้สิ่งที่พวกเขาเรียกว่า “พวกผู้ผลิตตุรกีมักละเมิดมาตรฐานของรัสเซียอย่างซ้ำซาก”
อเล็กซานเดอร์ คาเชฟ รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรรัสเซีย ระบุว่า มีประมาณ 15 เปอร์เซ็นต์ของผลผลิตทางการเกษตรจากตุรกีที่ไม่ผ่านมาตรฐาน โดยมีระดับของสารกำจัดศัตรูพืช ไนเตรท และไนไตรท์ เกินค่าความปลอดภัย
นอกจากนี้แล้ว หน่วยงานปกป้องผู้บริโภคของรัสเซียระบุด้วยว่าพวกเขามีความกังวลเกี่ยวกับคุณภาพและความปลอดภับของเสื้อผ้าเด็ก เฟอร์นิเจอร์ และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีต้นทางจากตุรกี
ในส่วนของด้านการท่องเที่ยว กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียแถลงในวันพฤหัสบดี (26 พ.ย.) เรียกร้องพลเมืองแดนหมีขาวที่อยู่ในตุรกีเดินทางกลับประเทศ โดยอ้างถึงภัยคุกคามด้านก่อการร้าย ท่ามกลางความตึงเครียดกับอังการาต่อกรณีเครื่องบินรบมอสโกถูกยิงตก
“ในความเกี่ยวข้องกับภัยคุกคามก่อการร้ายที่ยังมีอยู่ในอาณาเขตตุรกี เป็นอีกครั้งที่เราขอแนะนำให้พลเมืองระงับเดินทางเยือนตุรกี และแนะนำพลเมืองที่อยู่ที่นั่นด้วยวัตถุประสงค์ส่วนตัว เดินทางกลับสู่มาตุภูมิ” ถ้อยแถลงของกระทรวงการต่างประเทศระบุ
ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นหลังจากเมื่อวันพุธ (25 พ.ย.) นายเซียร์เกย์ ชอยกู รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซียเผยว่ากำลังจัดส่งระบบจรวดต่อต้านอากาศยานรุ่น เอส400 ที่ทันสมัยสุดไฮเทคของตนเข้าไปติดตั้งที่ฐานทัพอากาศเฮไมมีม ซึ่งอยู่ในจังหวัดลาตาเกีย ตามแนวชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนของซีเรีย
จากข้อมูลบนเว็บไซต์ missilethreat.com พบว่าขีปนาวุธดังกล่าวมีพิสัยทำการ 250 กิโลเมตร ขณะที่แนวชายแดนตุรกีอยู่ห่างออกไปแค่ 45 กิโลเมตรเท่านั้น
ส่วนในวันพฤหัสบดี (26 พ.ย.) สำนักข่าวทาสส์นิวส์รายงานว่า กระทรวงกลาโหมรัสเซียได้ระงับความร่วมมือทุกรูปแบบกับกองทัพตุรกีแล้ว ในนั้นรวมถึงสายด่วนที่จัดตั้งขึ้นเพื่อแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับการโจมตีทางอากาศของรัสเซียในซีเรีย
เหตุกระทบกระทั่งกันระหว่างรัสเซียกับตุรกี ชาติสมาชิกนาโต้ ตอกย้ำให้เห็นถึงอันตรายและสภาวะที่ไม่สามารถคาดเดาได้ของสงครามซีเรีย ซึ่งดึงเหล่ามหาอำนาจโลก ในนั้นรวมถึงสหรัฐฯ เข้าสู่ความขัดแย้งที่ยุ่งเหยิงและซับซ้อน