เอเอฟพี - ไฟเซอร์ของสหรัฐฯ และอัลเลอร์แกน บริษัทผู้ผลิตโบทอกซ์จากไอร์แลนด์ เมื่อวันจันทร์ (23 พ.ย.) ประกาศว่าพวกเขาจะควบรวมกิจการสำหรับสร้างกลุ่มบริษัทเวชภัณฑ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ในข้อตกลงที่มีมูลค่ากว่า 160,000 ล้านดอลลาร์
ข้อตกลงดังกล่าวถือเป็นว่าคำประกาศควบรวมกิจการครั้งใหญ่ที่สุดของปีนี้และได้รับการเห็นชอบจากบอร์ดบริหารของทั้งสองบริษัทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้การควบรวมจะเสร็จสมบูรณ์ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2016 และจะก่อประโยชน์ด้านการเงินแก่ไฟเซอร์ ที่จะย้ายสำนักงานไปยังไอร์แลนด์ที่มีอัตราภาษีถูกกว่า
เอียน รีด ซีอีโอของไฟเซอร์ระบุในถ้อยแถลงว่า “ข้อเสนอควบรวมไฟเซอร์กับอัลเลอร์แกน จะสร้างบริษัทเวชภัณฑ์ชั้นนำของโลกที่เพียบพร้อมไปด้วยความเข้มแข็งด้านงานวิจัย สำรวจและให้กำเนิดยาและบำบัดโรคให้ผู้คนทั่วโลกได้มากขึ้น”
เพื่อให้ข้อตกลงนี้ได้รับอนุมัติจากผู้ถือหุ้นและคณะผู้ดูแลกฎระเบียบ บริษัทที่ควบรวมแล้วจะเปลี่ยนชื่อเป็น ไฟเซอร์ พีแอลซี (Pfizer plc) และจะอยู่ในบัญชีตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กและการค้าภายใต้ทิกเกอร์ PFE ปัจจุบันของไฟเซอร์
ทั้งนี้ ไฟเซอร์ พีแอลซี จะมีศูนย์บัญชาการปฏิบัติการในนิวยอร์ก ส่วนสำนักงานบริหารจะอยู่ในไอร์แลนด์
เอเอฟพีอ้างแหล่งข่าวใกล้ชิดกับข้อตกลงนี้ บอกว่าทางไฟเซอร์ต้องการเอาชนะมาตรการใหม่ของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ที่เพิ่งบังคับใช้ ซึ่งจะทำให้บริษัทต่างๆของอเมริกาหลีกเลี่ยงการเสียภาษีผ่านการควบรวมกิจการได้ยากยิ่งขึ้น โดยกลไกนี้เรียกว่ากฎระเบียบใหม่เพื่อจัดการกับบริษัทเอกชนที่ต้องการลดภาระการจ่ายเงินภาษี (tax inversion)
เหล่าบริษัทสหรัฐฯ มีหีบสมบัติมหาศาลจากรายได้ในต่างประเทศ แต่พวกเขาไม่ต้องการส่งกลับคืนสู่อเมริกา เนื่องจากต้องจ่ายภาษีในอัตราสูงลิ่ว ส่วนไอร์แลนด์เป็นที่รู้จักกันดีว่ามีอัตราภาษีนิติบุคคลในระดับต่ำ
“ไฟเซอร์จะมีความยืดหยุ่นทางการเงินมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้เราสำรวจและพัฒนานวัตกรรมยาใหม่ๆ แก่คนไข้ คืนเงินทุนโดยตรงแก่ผู้ถือหุ้น และเดินหน้าลงทุนในสหรัฐฯ ขณะเดียวกันเราก็ยังสามารถมุ่งแสวงหาโอกาสแห่งการพัฒนาธุรกิจบนรากฐานของการแข่งขันเข้มข้นขึ้นภายในอุตสาหกรรมของเรา” รีดกล่าว
คาดหมายว่าเหล่าผู้ถือหุ้นของไฟเซอร์จะถือหุ้นในบริษัทที่ควบรวมแล้ว 56 เปอร์เซ็นต์ ส่วนผู้ถือหุ้นอัลเลอร์แกน ก็จะถือหุ้นส่วนที่เหลืออีก 44 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ทาง รีด จะก้าวขึ้นเป็นซีอีโอของคนใหม่ของไฟเซอร์ พีแอลซี ส่วน ซอนดอร์ส จะเป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ ซึ่งมีหน้าที่ดูแลธุรกิจการค้าที่ควบรวมทั้งหมดของไฟเซอร์และอัลเลอร์แกน รวมถึงการปฏิบัติงานของฝ่ายผลิตและฝ่ายยุทธศาสตร์
ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ของทั้งสองบริษัทถือเป็นคำแถลงควบรวมกิจการครั้งใหญ่ที่สุดในปีนี้ ทำลายสถิติเดิมการควบคุมกิจการมูลค่า 121,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ระหว่าง แอนเฮอเซอ-บุช อินเบฟและแซบมิลเลอร์ ที่บรรลุข้อตกลงกันเมื่อต้นเดือนที่่ผ่านมา
นอกจากนี้แล้วมันอาจกลายเป็นการควบรวมกิจการครั้งใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของโลก ตามหลังโวดาโฟน บริษัทโทรคมนาคมสัญชาติอังกฤษ เข้าซื้อกิจการของ Mannesmann จากเยอรมนี มูลค่า 172,000 ดอลลาร์สหรัฐ รวมหนี้สิน ในปี 1999