รอยเตอร์ - ภาพถ่ายจากนิตยสารของกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ที่แสดงให้เห็นกระป๋องเครื่องดื่ม “ชเวปส์ โกลด์” กับสิ่งดูเหมือนตัวจุดระเบิดกับสวิตช์ วางบนพื้นหลังสีฟ้า ส่วนประกอบทั้ง 3 ที่ดูเรียบง่ายเหล่านี้ได้สร้างความกังวลให้แก่เจ้าหน้าที่ด้านความปลอดภัยของสายการบินทั่วโลก
ผู้เชี่ยวชาญด้านระเบิดระบุว่า เป็นไปได้ที่ของในภาพจะทำให้เครื่องบินรัสเซียตก ขึ้นอยู่กับว่ามันมีปริมาณระเบิดในกระป๋องมากแค่ไหน กับตำแหน่งที่ถูกติดตั้ง โดยจุดที่สามารถสร้างความเสียหายได้มากนั้นก็คือ ท่อเชื้อเพลิง ห้องนักบิน หรือจุดที่ใกล้กับผิวของลำตัวเครื่องบิน
“ตำแหน่งติดตั้งนั้นสำคัญมาก” จิมมี อ็อกซ์เลย์ กล่าว เขาเป็นศาสตราจารย์ด้านเคมี ผู้เชี่ยวชาญพิเศษเรื่องระเบิด จากมหาวิทยาลัยโรด ไอแลนด์
อ็อกซ์เลย์และผู้เชี่ยวชาญรายอื่นๆ ได้ยกตัวอย่างเปรียบเทียบเหตุการณ์ระเบิดเที่ยวบิน 103 ของแพนแอม ด้วยน้ำมือชาวลิเบีย ขณะบินเหนือเมืองล็อคเกอร์บีในสกอตแลนด์เมื่อปี 1988 ซึ่งในตอนนั้นเจ้าหน้าที่สืบสวนได้โชว์ระเบิดขนาดเท่าฝ่ามือในเครื่องบันทึกเทปคาสเส็ต ที่อยู่ในกระเป๋าซึ่งวางไว้ในช่องเก็บสัมภาระ ระเบิดดังกล่าวได้ทำให้ตัวเครื่องเกิดรูขนาด 50 เซ็นติเมตร ส่งผลให้ความกดอากาศทำลายเครื่องบินออกเป็นเสี่ยงๆ กลางเวหา
ผู้เชี่ยวชาญบางรายบอกว่า กรณีกระป๋องชเวปส์ซึ่งเห็นได้ชัดว่าคล้ายกันนั้น ตัวจุดระเบิดกับสวิตช์บ่งชี้ว่า ระเบิดกระป๋องน่าจะเป็นแบบตั้งเวลา แทนที่จะเป็นระเบิดฆ่าตัวตาย ซึ่งลำดับเหตุการณ์ของสายการบินรัสเซียก็มีความสอดคล้องกัน
อย่างไรก็ตาม ไคลฟ์ วิลเลียมส์ ศาสตราจารย์จากศูนย์กฏหมายทางทหารและความมั่นคง มหาวิทยาลัยออสเตรเลียน เนชันแนล อีกทั้งยังเป็นสมาชิกสมาคมผู้สืบสวนและนักเทคนิคระเบิดระหว่างประเทศ ได้ระบุว่า การใช้กระป๋องน้ำอัดลมทำให้เกิดคำถามว่า อุปกรณ์ชิ้นนี้ถูกรวมอยู่ในของกินที่แจกจ่ายแก่ผู้โดยสารหรือไม่
ผู้เชี่ยวชาญหลายรายยังบอกด้วยว่า รูปดังกล่าวอาจให้เบาะแสสำคัญในการตามรอยกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) เนื่องจากตัวจุดระเบิดที่เห็นในรูปนี้ถูกใช้ในเชิงพาณิชย์ จึงอาจตามรอยกลับไปยังผู้ผลิตได้
จอห์น เคอร์บี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ระบุไว้เมื่อวันพุธว่า รัฐบาลอเมริกันไม่อยู่ในฐานะที่จะให้การยืนยันความถูกต้องแม่นยำ สำหรับคำกล่าวอ้างจากนิตยสารของพวกนักรบญิฮัด