เอเอฟพี – จำนวนของผู้ที่ถูกสังหารในการโจมตีก่อการร้ายทั่วโลกพุ่งขึ้น 80 เปอร์เซ็นต์เมื่อปีที่แล้วสู่ระดับสูงสุดเท่าที่เคยมีการบันทึกมา สถาบันเพื่อเศรษฐกิจและสันติภาพ (Institute for Economics and Peace) ระบุในวันนี้ (17)
ดัชนีการก่อการร้ายทั่วโลก (Global Terrorism Index) พบว่ามีคน 32,658 คนถูกสังหารโดยผู้ก่อการร้ายในปี 2014 เพิ่มขึ้นจาก 18,111 คนในปีก่อนหน้า นับเป็นการเพิ่มขึ้นที่มากที่สุดเท่าที่มีการบันทึกไว้
การศึกษานี้นิยามการก่อการร้ายว่าเป็น “การใช้กำลังและความรุนแรงอย่างผิดกฎหมายโดยผู้กระทำที่ไม่ใช่รัฐเพื่อบรรลุเป้าหมายทางการเมือง เศรษฐกิจ ศาสนา หรือสังคมผ่านความกลัว การบีบบังคับ หรือการข่มขู่”
กลุ่มโบโกฮารัมที่มีฐานในไนจีเรียและกลุ่มรัฐอิสลามในอิรักและซีเรีย (ไอซิส) มีส่วนรับผิดชอบต่อการเสียชีวิตดังกล่าวมากกว่าครึ่งหนึ่ง ทั้งนี้อ้างจากการศึกษาชิ้นนี้ ซึ่งประเมินการโจมตี การเสียชีวิต และความเสียหายจากการโจมตีก่อการร้ายใน 162 ประเทศ
การศึกษาชิ้นนี้พบว่าการก่อการร้ายมีการจุกตัวอย่างมาก โดย 78 เปอร์เซ็นต์ของการเสียชีวิตเมื่อปีที่แล้วมาจาก 5 ประเทศคืออัฟกานิสถาน อิรัก ไนจีเรีย ปากีสถาน และซีเรีย
อิรักเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบเลวร้ายที่สุดด้วยยอดผู้เสียชีวิตจากการก่อการร้าย 9,929 คน และจำนวนการก่อเหตุโจมตีที่สูงที่สุดและยอดผู้เสียชีวิตจากการก่อการร้ายที่มากที่สุดเท่าที่เคยมีการบันทึกในประเทศๆ หนึ่ง
อย่างไรก็ตามประเทศที่มีผู้เสียชีวิตจากการก่อการร้ายเพิ่มขึ้นมากที่สุดคือไนจีเรีย ซึ่งพบว่ายอดเสียชีวิตนั้นเพิ่มขึ้นกว่า 300 เปอร์เซ็นต์เป็น 7,512 คน
ประเทศตะวันตกมีความเสี่ยงที่จะถูกโจมตีน้อยมาก และโดยส่วนมากมักมาในรูปแบบการก่อเหตุแบบกระทำคนเดียว (lone wolves) ซึ่งได้รับแรงกระตุ้นจากแนวคิดสุดโต่งทางการเมือง ลัทธิชาตินิยม หรือการเหยียดเชื้อชาติและความเป็นใหญ่ทางศาสนามากกว่าการยึดหลักจารีตเดิมของศาสนาอิสลาม ทั้งนี้อ้างจากการศึกษาชิ้นนี้
อังกฤษเผชิญกับเหตุการณ์ก่อการร้ายมากที่สุดในตะวันตก ส่วนมากมักเกี่ยวโยงกับกองกำลังกึ่งทหารสาธารณรัฐไอร์แลนด์ในไอร์แลนด์เหนือ การศึกษาชิ้นนี้ระบุ
อย่างไรก็ตาม การโจมตีในกรุงปารีสโดยกลุ่มไอซิสเมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่คร่าชีวิตคนไปอย่างน้อย 129 ศพอาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในยุโรป มันแสดงให้เห็นว่ากลุ่มไอซิสมีความสามารถที่จะก่อเหตุโจมตีที่ซับซ้อนและนองเลือดในทวีปนี้ สตีฟ คิลเลลี ประธานของสถาบันเพื่อเศรษฐกิจและสันติภาพซึ่งจัดทำการศึกษาชิ้นนี้ กล่าวโดยเรียกไอเอสด้วยอีกชื่อหนึ่ง
เขาเตือนว่านักรบต่างชาติซึ่งเดินทางไปยังอิรักและซีเรีย ซึ่งประเมินว่าอยู่ที่ราวๆ 25,000 – 30,000 คนนับตั้งแต่ปี 2011 อาจเป็นภัยคุกคาม เนื่องจากพวกเขาจะกลับมาพร้อมทักษะทางทหารที่ได้รับการฝึกมา