เอเอฟพี/เอพี - เมื่อวานนี้ (11 พ.ย.) รายงานการจับกุมถูกเปิดเผย เอเฟรน อันโตนิโอ แคมโป โฟลเรส (Efrain Antonio Campo Flores) และ ฟรานซิสโก โฟลเรส เด ฟรีสตาส (Francisco Flores de Freitas) หลานชาย 2 คนของสุภาพสตรีหมายเลข 1 เวเนซุเอลา ถูกจับกุมตัวในเฮติในวันอังคาร (10) และส่งตัวไปให้เจ้าหน้าที่สหรัฐฯฐานออกอุบายขนยาเสพติดโคเคนที่มีน้ำหนักมากถึง 800 กก.
เอเอฟพีรายงานว่า จากการเปิดเผยของสื่อวอลล์สตรีทเจอร์นัลในวันพุธ (11) ว่า การจับกุมล่าสุดของทางการสหรัฐฯ จะยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีระหว่างสหรัฐฯ และเวเนซุเอเลาจะยิ่งเลวร้ายหนักขึ้น ซึ่งทั้งสองชาติต่างไม่มีเอกอัครราชทูตดำรงตำแหน่งมาตั้งแต่ปี 2010
การจับกุมเอเฟรน อันโตนิโอ แคมโป โฟลเรส (Efrain Antonio Campo Flores) และ ฟรานซิสโก โฟลเรส เด ฟรีสตาส (Francisco Flores de Freitas) หลานชาย 2 คนของสุภาพสตรีหมายเลข 1 เวเนซุเอลา ถูกจับกุมตัวในวันอังคาร (10) โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องถิ่นในกรุงปอร์โตแปรงซ์ เฮติ หลังจากที่บินออกมาจากเวเนซุเอลาด้วยเครื่องบินส่วนตัว ไมเคิล วิจิล (Michael Vigil) อดีตหัวหน้าปฎิบัติการระหว่างประเทศ DEA เผยกับเอพี และได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการจับกุมพบว่าหลานชายทั้งสองของสุภาพสตรีหมายเลข 1 เวเนซุเอลา ถือพาสปอร์ตทางการทูตถึงแม้ว่าจะไม่มีเอกสิทธิ์ทางการทูตคุ้มครองก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ต่อมาคนทั้งสองถูกเจ้าหน้าที่เฮติส่งตัวต่อให้กับทางการสหรัฐฯ โดยได้นำตัวคนทั้งคู่บินเข้ามายังนครนิวยอร์กในวันเดียวกัน สื่อธุรกิจรายงานโดยอ้างจากแหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผยชื่อ 2 คน
วอลสล์ตรีทเจอร์นัลยังรายงานต่อว่า คนทั้งคู่มีกำหนดที่จะต้องปรากฏตัวต่อศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯในนิวยอร์กในวันนี้ (12)
แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งอัยการสหรัฐฯ และศาลสหรัฐฯ ยังไม่ออกมาให้ความเห็นในเรื่องนี้
เอเอฟพีรายงานว่า แคมโป โฟลริส วัย 29 ปี ได้เปิดเผยในขณะอยู่บนเครื่องบินเดินทางเข้าสหรัฐฯ ว่า เป็นบุตรบุญธรรมของประธานาธิบดีเวเนซุเอลา นิโคลัส มาดูโร ซึ่งเขาเป็นบุตรชายของพี่สาวที่ได้เสียชีวิตลงไปแล้วของภรรยาของมาดูโร สุภาพสตรีหมายเลข 1 เวเนซุเอลา ซิเลีย โฟลเรส (Cilia Flores) และทำให้ชายผู้นี้ได้รับการเลี้ยงดูจนเติบใหญ่โดย ซิเลีย โฟลเรส ผู้มีศักดิ์เป็นป้า
ในขณะที่ผู้ถูกจับกุมอีกราย ได้เผยว่าเป็นหลานชายของซิเลีย โฟลเรส เช่นกัน ทั้งนี้เอพีชี้ว่า ซิเลีย โฟลเรส เคยดำรงตำแหน่งอดีตประธานรัฐสภาเวเนซุเอลา รวมไปถึงอัยการสูงสุดเวเนซุเอลา และทนายความประจำตัวสู้คดีให้กับอดีตผู้นำเวเนซุเอลา ประธานาธิบดีฮูโก ชาเวซ ในระหว่างที่เขาถูกคุมขังในยุค 90 และทำให้ในเวลานั้นเธอได้มีโอกาสใกล้ชิดกับมาดูโรจนเกิดเป็นความรัก ซึ่งประธานาธิบดีมาดูโรในขณะนั้นเป็นหนึ่งในนักเคลื่อนไหวที่ถูกชักนำโดยชาเวซให้เข้าร่วมขบวนการ
โดยคนทั้งคู่ได้แต่งงานกันในปี 2013 ไม่นานหลังจากที่มาดูโรได้ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเวเนซุเอลา ซึ่งซิลเวีย โฟลเรสถือว่าเป็นหนึ่งในสมาชิกผู้มีอิทธิพลในรัฐบาลปฏิวัติเวเนซุเอลา เอพีรายงาน
ก่อนหน้านี้เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษ รายงานในเดือนสิงหาคมว่า มาดูโรได้ประกาศต่อหน้าสาธารณชนว่า สุภาพสตรีหมายเลข 1เวเนซุเอลาจะลงชิงสมัครสมาชิกรัฐสภาเวเนซุเอลา ซึ่งจะมีกำหนดการเลือกตั้งในวันที่ 6 ธันวาคมที่จะถึงนี้ ซึ่งมาดูโรได้แถลงว่า “ภรรยาของผมได้ปรึกษาในเรื่องนี้ ซึ่งผมได้ตอบออกไปว่าคุณมีเสรีภาพที่จะลงเลือกตั้งตามตั้งใจของคุณ และไม่มีข้อจำกัดขัดขวาง”
สื่อธุรกิจรายงานต่อว่า หลานชายทั้งคู่ของสุภาพสตรีหมายเลข 1 เวเนซุเอลาได้ลอบติดต่อกับสายเจ้าหน้าที่สอบสวนด้านยาเสพติดสหรัฐฯ DEA ในฮอนดูรัสเมื่อตุลาคมที่ผ่านมา เพื่อขอความช่วยเหลือในการลอบขนโคเคนน้ำหนักถึง 800 กก.
โดยในเวเนซุเอลา แคมโป โฟลเรส และ เด ฟรีสตาส ได้นำตัวอย่างยาเสพติดโคเคนน้ำหนัก 1 กก.ที่ต้องการขนเข้าสหรัฐฯไปขายในนครนิวยอร์กให้กับสายของ DEA เพื่อพิสูจน์ถึงความบริสุทธิ์ของยาเสพติดโคเคนที่มีอยู่ในความครอบครอง วอลสตรีทเจอร์นัลรายงานต่อ
ทั้งนี้การพบปะนั้นถูกถ่ายไว้ด้วยเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ แหล่งข่าวอ้างกับสื่อธุรกิจ
เอเอฟพีรายงานเพิ่มเติมว่า วอลสตรีทเจอร์นัลเป็นสื่อรายแรกที่ได้รายงานในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาว่า อัยการสหรัฐฯกำลังสอบสวนถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงจำนวนหนึ่งในรัฐบาลมาดูโรที่มีส่วนข้องเกี่ยวกับการลักลอบขนยาเสพติดโคเคนล็อตใหญ่
แต่อย่างไรก็ตาม เวเนโซเอลาได้ออกมาตอบโต้ในเรื่องนี้โดยอ้างว่า เป็นข้อกล่าวหาของสหรัฐฯเพื่อจะล้มล้างรัฐบาลฝ่ายซ้ายของคาราคัส
วอลล์สตรีทเจอร์นัลรายงานต่อว่า อัยการสหรัฐฯในนิวยอร์ก ไมอามี และวอชิงตัน กำลังทำคดีสอบสวนถึงความเกี่ยวพันเจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลมาดูโรที่อยู่ในส่วนของกองทัพ ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารกับขบวนการลักลอบขนยาเสพติดและขบวนการฟอกเงิน
และกลุ่มคนที่อยู่ในรายชื่อผู้ต้องสงสัยถูกอัยการสหรัฐฯดำเนินการสอบนั้นรวมไปถึง ดิออสดาโด คาเบลโล (Diosdado Cabello) ประธานรัฐสภาเวเนซุเอลา ซึ่งถือเป็นคนที่มีอิทธิพลเป็นอันดับ 2 ในเวเนซุเอลารองลงมาจากมาดูโร
โดยประธานาธิบดีเวเนซุเอลาได้ตอบโต้ข้อกล่าวหานี้ว่า “ใครก็ตามที่ต้องการมีเรื่องกับดิออสดาโด คนนั้นต้องมีเรื่องกับผมด้วย”
อย่างไรก็ตาม ในการแถลงทางโทรทัศน์ในวันพุธ (11) ของแคมเบลโล เขาไม่ได้ให้ความเห็นโดยตรงถึงข่าวเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ จับกุมหลานชาย 2 คนของสุภาพสตรีหมายเลข 1 เวเนซุเอลา แต่ได้กล่าวว่า เป็นความพยายามของวอชิงตันในการโค่นล้มรัฐบาลโซเชียลลิสต์ของมาดูโรก่อนการเลือกตั้ง เอพีรายงาน
“เป็นอีกครั้งที่ทางเวเนซุเอลาต้องประณามความต่ำช้าของจักรวรรดิอเมริกาเหนือในความพยายามที่จะโจมตีประเทศอันเป็นที่รักของเรา และเพื่อทำให้ตกเป็นทาสของอเมริกา” แคมเบลโลแถลง
เอพีรายงานต่อว่า แคมโป โฟลเรส และ เด ฟรีสตาส ถูกจับกุม 3 สัปดาห์ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งทั่วไปในเวเนซุเอลา ซึ่งจากผลโพลความคิดเห็นล่าสุดชี้ว่า พรรครัฐบาลอาจต้องพ่ายแพ้ครั้งร้ายแรงมากที่สุดในรอบ 16 ปีเนื่องมาจากประชาชนเวเนซุเอลาได้รับความบอบช้ำกับสภาพอัตราเงินเฟ้อตัวเลข 3 หลักและการขาดแคลนสินค้าปัจจัยพื้นฐานเป็นเวลานาน