เอเอฟพี - ผู้แทนด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติยอมถอนคำพูดที่ก่อนหน้านี้ออกมาอ้างว่ามีนักเรียนหญิงในญี่ปุ่นถึงร้อยละ 13 ยอมออกเดตกับผู้ชายหรือแม้กระทั่งมีเพศสัมพันธ์ด้วยแลกเงินกับค่าจ้าง รัฐบาลแดนปลาดิบเปิดเผยในวันพุธ (11 พ.ย.)
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นไม่นานหลังจากญี่ปุ่นคร่ำครวญด้วยความขมขื่นไปยังสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ และเรียกร้องให้แสดงหลักฐานสนับสนุนข้อมูลที่ทางผู้แทนด้านสิทธิมนุษยชนคนหนึ่งของสหประชาชาติแถลงในกรุงโตเกียวเมื่อเดือนที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่แดนปลาดิบเผยว่า นางโมด เด โบเออร์-บูควิชชิโอ ผู้ตรวจการพิเศษสหประชาชาติว่าด้วยการค้าเยาวชน โสเภณีเด็ก และสื่อลามกเยาวชน เขียนถึงคณะผู้แทนถาวรของญี่ปุ่นประจำองค์กรระหว่างประเทศในกรุงเจนีวา ยอมรับว่าเธอไม่สามารถนำเสนอหลักฐานที่หนักแน่นสนับสนุนคำกล่าวอ้างของตนเอง
“ในจดหมายบอกว่า หลังจากทบทวนเพิ่มเติมพบว่าไม่มีข้อมูลอย่างเป็นทางการและปัจจุบันพอที่จะสนับสนุนตัวเลข 13 เปอร์เซ็นต์” โยชิฮิเดะ ซูกะ หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นบอกกับผู้สื่อข่าว พร้อมเผยต่อว่านางเด โบเออร์-บูควิชชิโอ ได้ประกาศในจดหมายด้วยว่าจะไม่มีการใช้ตัวเลขนี้อีกในอนาคต และมันจะไม่เป็นส่วนหนึ่งของรายงานที่เตรียมนำเสนอต่อสภาสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ
“เรามองคำชี้แจงนี้ว่าเป็นการกลับคำจากความเห็นเกี่ยวกับตัวเลข 13 เปอร์เซ็นต์” เขากล่าว “รัฐบาลญี่ปุ่นจะเดินหน้าร้องขอให้พวกเขาร่างรายงานบนพื้นฐานแห่งข้อมูลที่เป็นจริง”
ด้าน เนคาเน ลาวิน จากสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติในเจนีวา เผยแพร่ถ้อยแถลงผ่านอีเมล์ในเวลาต่อมา ระบุว่าผู้แทนพิเศษจะไม่ให้ความเห็นเพิ่มเติมจนกว่าเธอจะนำเสนอรายงานอย่างครอบคลุมและครบถ้วนในเดือนมีนาคมปีหน้า
ระหว่างการแถลงเมื่อเดือนที่แล้ว นางเด โบเออร์-บูควิชชิโอ พูดถึงปรากฏการณ์ในสังคมญี่ปุ่นที่เรียกว่า “เอ็นโจ โคไซ” ที่อาจแปลได้ว่าการนัดเดตโดยที่บรรดาหนุ่มใหญ่จ่ายค่าตอบแทนให้แก่หญิงสาววัยรุ่น ซึ่งบางทีอาจรวมไปถึงการมีเพศสัมพันธ์ด้วย “นักเรียนหญิงญี่ปุ่นร้อยละ 13 พัวพันกิจกรรมที่ว่านี้ซึ่งอาจจะเริ่มต้นจากสิ่งที่ดูไม่ประสีประสา อย่างการที่ชายหนุ่มเดินเที่ยวกับเด็กนักเรียนสาวๆ เป็นต้น” เธอกล่าว
แต่พอต่อมาญี่ปุ่นเรียกร้องให้เธอนำเสนอหลักฐานสนับสนุนคำกล่าวอ้างดังกล่าว นางโมด เด โบเออร์-บูควิชชิโอ บอกเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาว่า เธอไม่มีสถิติอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการออกเดตแลกกับเงินค่าจ้างนี้
“ดิฉันไม่ทราบตัวเลขอย่างเป็นทางการว่าธุรกิจ JK ในญี่ปุ่นแพร่หลายขนาดไหน แต่หลายคนที่ดิฉันพูดคุยด้วยบอกตรงกันว่า มันคือค่านิยมที่น่าเป็นห่วง และอาจนำไปสู่ธุรกิจที่แสวงหาผลประโยชน์ทางเพศจากผู้เยาว์” เธอกล่าว “ตอนที่แถลงข่าว ดิฉันเพียงอ้างตัวเลขคาดการณ์ที่เจอในแหล่งข่าวทั่วๆ ไป เพื่อเน้นถึงความรุนแรงของปัญหาที่สมควรได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน”