เอเอฟพี - ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ให้สัมภาษณ์วานนี้ (5 พ.ย.) ว่า มีความเป็นไปได้สูงที่เครื่องบินโดยสารของรัสเซียจะตกเพราะ “ระเบิด” ท่ามกลางเสียงติเตียนจากรัสเซียและอียิปต์ที่มองว่าชาติตะวันตกกำลังด่วนสรุปเกินไป ขณะที่หน่วยข่าวกรองพบสัญญาณสื่อสารที่บ่งชี้ว่า อาจมีการวางแผนซุกระเบิดบนเที่ยวบินนี้
สายการบินในยุโรปเตรียมพร้อมนำนักท่องเที่ยวหลายหมื่นคนออกจากเมืองรีสอร์ตริมทะเลแดง ชาร์ม เอล ชัยค์ ในอียิปต์ หลังเที่ยวบิน 9268 ของสายการบินโคกาลีมาเวีย (เมโทรเจ็ต) ซึ่งเดินทางออกจากเมืองแห่งนี้เพื่อมุ่งหน้าไปยังนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ประสบอุบัติเหตุตกอย่างเป็นปริศนา เมื่อวันเสาร์ที่แล้ว (31 ต.ค.)
แอร์บัส A-321 ลำนี้โหม่งโลกหลังขึ้นบินไปได้เพียง 23 นาที คร่าชีวิตผู้โดยสารและลูกเรือทั้งหมด 224 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพลเมืองรัสเซีย
เครือข่ายกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในอียิปต์ได้ออกมาอ้างตัวว่าอยู่เบื้องหลังโศกนาฏกรรมดังกล่าว
“ผมเชื่อว่าการนำระเบิดขึ้นไปบนเครื่องบินอาจจะเป็นสาเหตุ ซึ่งเราให้น้ำหนักกับประเด็นนี้อย่างจริงจัง” โอบามา ให้สัมภาษณ์ต่อสถานีวิทยุแห่งหนึ่งในสหรัฐฯ แต่ก็ย้ำว่า “ยังเร็วเกินไปที่จะฟันธง”
ด้านนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน แห่งอังกฤษ ซึ่งกำลังรับบทเจ้าบ้านต้อนรับการไปเยือนของประธานาธิบดีอับเดล ฟัตตาห์ อัล-ซีซี แห่งอียิปต์ ก็บอกกับสื่อมวลชนในทำนองเดียวกันว่า “การวางระเบิดเพื่อทำลายเครื่องบินมีความเป็นไปได้มากกว่าไม่มี
หนังสือพิมพ์เดอะไทม์สของอังกฤษ รายงานวันนี้ (6) ว่า หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ และอังกฤษสามารถตรวจจับบทสนทนาทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่บ่งชี้ว่า อาจมีผู้ซุกซ่อนระเบิดขึ้นไปบนเครื่องบินรัสเซีย
“สำนวนและเนื้อหาของข้อความทำให้นักวิเคราะห์เชื่อว่า ต้องมีผู้โดยสารหรือเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินนำระเบิดขึ้นไปไว้บนเครื่อง” ไทม์ส ระบุ โดยไม่อ้างถึงแหล่งข่าว
ฮอสซาม กามาล รัฐมนตรีกระทรวงการบินพลเรือนอียิปต์ ยืนยันว่า “ยังไม่พบหลักฐานหรือข้อมูลใดๆ ที่จะยืนยันทฤษฎีการก่อวินาศกรรม” ขณะที่ทำเนียบเครมลินชี้ว่า สิ่งที่ชาติตะวันตกนำเสนอยังเป็นเพียง “ข้อสันนิษฐาน”
ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ซึ่งสั่งให้กองทัพอากาศรัสเซียเริ่มต้นปฏิบัติการโจมตีทางอากาศต่อฐานที่มั่นไอเอสและกลุ่มติดอาวุธอื่นๆ ในซีเรีย แถลงว่า การวิเคราะห์สาเหตุการตกของเครื่องบินเมโทรเจ็ตควรอาศัยข้อมูลจาก “กระบวนการสอบสวนอย่างเป็นทางการซึ่งกำลังดำเนินอยู่” เป็นหลัก
อัล-ซีซี หวังใช้โอกาสในการเยือนกรุงลอนดอนครั้งนี้สร้างความเชื่อมั่นต่อนักท่องเที่ยวว่าอียิปต์ยังเป็นประเทศที่ปลอดภัย หลังสายการบินหลายแห่งเริ่มระงับเที่ยวบินไป-กลับเมือง ชาร์ม เอล ชัยค์ เพื่อรอการตรวจสอบความปลอดภัยภายในสนามบิน จนส่งผลให้นักท่องเที่ยวซึ่งเดินทางไปใช้วันหยุดพักผ่อนที่รีสอร์ตริมทะเลแดงตกค้างอยู่นับหมื่นคน
รัฐบาลฝรั่งเศสและเบลเยียมเตือนพลเมืองให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยัง ชาร์ม เอล ชัยค์ ขณะที่อังกฤษแนะให้พลเมืองเดินทางโดยเครื่องบินไปยังเมืองรีสอร์ตแห่งนี้ก็ต่อเมื่อมีความจำเป็นจริงๆ เท่านั้น
เที่ยวบินจากอังกฤษมุ่งสู่ ชาร์ม เอล ชัยค์ ยังคงถูกระงับไว้ทั้งหมด แต่รัฐบาลลอนดอนอนุญาตให้สายการบินแดนผู้ดีสามารถขึ้นบินจากเมืองรีสอร์ตของอียิปต์ได้ในวันนี้ (6) เพื่อพานักท่องเที่ยวชาวอังกฤษราว 20,000 คนกลับบ้าน ทว่า ผู้โดยสารจะสามารถพกพาได้เฉพาะกระเป๋าถือขึ้นเครื่องเท่านั้น
สายการบินเจ็ตแอร์ของเบลเยียมประกาศใช้มาตรการเดียวกันกับอังกฤษ ขณะที่ ลุฟต์ฮันซา ระบุว่า ยูโรวิงส์ซึ่งเป็นสายการบินในเครือจะหยุดทำการบินจากเยอรมนีไปยัง ชาร์ม เอล ชัยค์ ส่วนเตอร์กีชแอร์ไลน์สก็ยกเลิกเที่ยวบินไปแล้ว 2 เที่ยว
เที่ยวบิน KGL 9268 บินอยู่ที่ระดับความสูง 30,000 ฟุต (9,150 เมตร) ก่อนจะสูญหายไปจากจอเรดาร์ ซึ่งจากการตรวจสอบซากเครื่องบินและร่างผู้โดยสารที่กระจัดกระจายเป็นวงกว้างหลายตารางกิโลเมตร บ่งบอกว่าเครื่องบินน่าจะแตกกระจายกลางอากาศ
ในกรณีเช่นนี้ สาเหตุที่เป็นไปได้มากที่สุดคือ ปัญหาทางเทคนิค หรือการระเบิดที่เกิดขึ้นภายในตัวเครื่องบิน
ไอเอสระบุว่า จะออกมาเปิดเผยขั้นตอนการก่อวินาศกรรมเครื่องบินรัสเซียในเร็วๆ นี้ ซึ่งหากเป็นความจริงจะถือเป็นครั้งแรกที่กลุ่มนักรบญิฮาดซึ่งยึดครองดินแดนกว้างขวางในอิรักและซีเรีย มีศักยภาพถึงขั้นโจมตีเครื่องบินโดยสารได้ และอาจส่งผลกระทบอย่างหนักต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของอียิปต์ที่เพิ่งจะฟื้นตัวจากเหตุปฏิวัติทางการเมืองเมื่อปี 2011