xs
xsm
sm
md
lg

ยอดเหยื่อไฟไหม้-เหยียบกันตายที่ไนต์คลับกลางเมืองหลวงโรมาเนีย พุ่งเป็น 29 ศพ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เอพี / เอเจนซีส์ / ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุเพลิงไหม้ไนต์คลับ ในกรุงบูคาเรสต์ของโรมาเนียเมื่อคืนวันศุกร์ (30 ต.ค.) ที่ผ่านมา เพิ่มจำนวนขึ้นอีก 2 ราย เป็น 29 รายแล้ว หลังจากมีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าวเสียชีวิตเพิ่มอีก 2 ราย ในวันอาทิตย์ (1 พ.ย.) วันเดียวกับที่ทีมเจ้าหน้าที่ด้านนิติวิทยาศาสตร์เริ่มทำการชันสูตรพลิกศพเหยื่อรายแรกจากเหตุสลดนี้

รายงานข่าวซึ่งอ้างราเอ็ด อราฟัต รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกิจการภายในของโรมาเนีย ระบุว่า ผู้เสียชีวิต 2 รายล่าสุดได้เสียชีวิตที่โรงพยาบาลหลังถูกนำตัวเข้ารับการรักษาอาการบาดเจ็บจากเหตุเพลิงไหม้และการเหยียบกันตายขณะหนีเอาชีวิตรอดที่ไนต์คลับแห่งดังกล่าวที่มีชื่อว่า “Colectiv” และตั้งอยู่ที่ชั้นล่างสุดของอาคารแห่งหนึ่งในย่านใจกลางเมืองหลวงของโรมาเนีย โดยที่ผู้เสียชีวิตทั้งคู่เป็นหนึ่งในจำนวนผู้บาดเจ็บ 180 ราย ที่ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลจากเหตุสลดเมื่อคืนวันศุกร์

ขณะที่ทีมแพทย์เปิดเผยว่า จนถึงขณะนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าวต้องพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลอีกมากกว่า 140 รายในโรงพยาบาลหลายแห่งทั่วกรุงบูคาเรสต์และในจำนวนนี้มีหลายสิบรายที่มีอาการสาหัส

ก่อนหน้านี้เมื่อวันเสาร์ (31 ต.ค.) ที่ผ่านมารัฐบาลโรมาเนียประกาศให้มีการไว้อาลัยเป็นเวลา 3 วันทั่วประเทศแก่บรรดาผู้เสียชีวิตจากโศกนาฏกรรมครั้งนี้ ขณะที่กระบวนการสืบสวนสอบสวนและการชันสูตรพลิกศพผู้เสียชีวิตได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว ในวันอาทิตย์ (1 พ.ย.)

หลังเกิดเหตุ ผู้เห็นเหตุการณ์รายหนึ่งเปิดเผยว่ามีการจุดพลุไฟภายในไนต์คลับ จากนั้นเสาและเพดานก็เริ่มติดไฟ และต่อมาก็เกิดระเบิดตูมสนั่น ก่อควันโขมงไปทั่ว ขณะที่ภาพข่าวจากสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นในวันเกิดเหตุเผยให้เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและทีมแพทย์อาสาสมัครกำลังกู้ ชีพคนหนุ่มสาวที่กำลังนอนหายใจรวยรินอยู่บนทางเท้า ท่ามกลางเสียงไซเรนของรถฉุกเฉินที่เดินทางมาสมทบเพิ่มเติม ณ จุดเกิดเหตุ

ด้านกาเบรียล โอเปรีย รองนายกรัฐมนตรีโรมาเนีย บอกว่าเจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการสืบสวนหาต้นตอของเหตุการณ์นี้ พร้อมบอกว่าเหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้ คือ โศกนาฏกรรมที่เลวร้ายที่สุดในรอบหลายทศวรรษที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงของประเทศขณะที่ประธานาธิบดีเคลาส์ ไอโอฮานนิส เผยผ่านสื่อสังคมออนไลน์ชื่อดังอย่างเฟซบุ๊กว่า รู้สึกช็อกอย่างยิ่งและว่า “นี่เป็นช่วงเวลาที่น่าเศร้าสำหรับประเทศของเรา”