เอเอฟพี - กลุ่มอิสลามิสต์หัวรุนแรง “โบโกฮารัม” ก่อเหตุวางระเบิดมัสยิด 2 แห่งทางภาคเหนือของไนจีเรียเมื่อวันศุกร์ (23 ต.ค.) สังหารผู้คนไปอย่างน้อย 55 คน และบาดเจ็บอีกกว่า 100 นอกจากนั้นพวกนี้ยังส่งนักรบไปยึดเมืองเล็กๆ เมืองหนึ่งในแคเมอรูน ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านอยู่ติดกัน
เหตุโจมตีเหล่านี้ซึ่งเกิดขึ้นในเมืองไมดูกูริ และเมืองโยลาของไนจีเรีย และเมืองเคราวา ของแคเมอรูน เป็นการตอกย้ำอีกครั้งว่ากลุ่มโบโกฮารัม ยังคงเป็นภัยคุกคามทั้งในระดับชาติและระดับภูมิภาค ถึงแม้ฝ่ายทหารไนจีเรียจะคุยว่าประสบความสำเร็จในการปราบปรามกลุ่มอิสลามิสต์หัวรุนแรงนี้
ความหวาดกลัวดูจะหนักหนาสาหัสเป็นพิเศษในเมืองไมดูกูริซึ่งถูกโจมตีมา 6 ครั้งแล้วในเดือนนี้ สังหารผู้คนไปทั้งสิ้น 76 ชีวิต ทั้งนี้ตามการรวบรวมของสำนักข่าวเอเอฟพี
คำถามที่ถูกหยิบยกขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งก็คือ ทำไมพวกหัวรุนแรงจึงสามารถดำเนินการโจมตีเช่นนี้อยู่เรื่อยๆ โดยที่ในเดือนกันยายน กลุ่มนี้ก็เคยเข้าโจมตีที่เมืองไมดูกูริหลายรอบเช่นกัน จนทำให้มีผู้เสียชีวิตไป 117 คน
เหตุเหล่านี้ยังเป็นตัวอย่างแสดงให้เห็นปัญหาท้าทายที่กำลังรอสหรัฐฯ หลังจากที่วอชิงตันประกาศในสัปดาห์ที่แล้วว่าจะจัดส่งบุคลากรทางทหารจำนวนไม่เกิน 300 คนไปประจำการในภาคเหนือของแคเมอรูน
หน่วยทหารเหล่านี้จะทำหน้าที่ปฏิบัติการลาดตระเวนและหาข่าวกรองเพื่อใช้เล่นงานพวกโบโก ฮารัม โดยจะดำเนินการเช่นนี้ภายในเขตแดนของไนจีเรียด้วย ในช่วงเวลาที่กลุ่มอิสลามิสต์หัวรุนแรงกลุ่มนี้กำลังเพิ่มการโจมตีพลเรือนมากขึ้นเรื่อยๆ
สำหรับการโจมตีในวันศุกร์ (23) จุดแรกเกิดขึ้นในเมืองไมดูกูริ หลังเวลา 05.00 น. (ตรงกับ 11.00 น.เวลาเมืองไทย) เล็กน้อย ในย่านจิดาริ ของไมดูกูรี เมืองหลวงของรัฐบอร์โน ซึ่งเป็นสถานที่ซึ่งโบโกฮารัมก่อตั้งขึ้นมาเมื่อปี 2002
อูมาร์ ซานี อาสาสมัครพลเรือนที่คอยช่วยเหลือทหารในการต่อสู้กับพวกก่อความไม่สงบ และ มูซา เชริฟฟ์ ชาวบ้านในท้องถิ่นเล่าให้เอเอฟพีฟังว่า มีการระเบิดในมัสยิดเกิดขึ้น 2 ครั้งโดยฝีมือของมือระเบิดฆ่าตัวตาย
ซานีบอกว่านอกจากมือระเบิดทั้ง 2 คนแล้ว ยังนับศพผู้เสียชีวิตคนอื่นๆ ได้ 28 คน บาดเจ็บอีกกว่า 20 คน ทว่า สำนักงานบริหารเหตุฉุกเฉินแห่งชาติของไนจีเรีย (NEMA) แถลงว่า มีตายเพียง 6 คน และบาดเจ็บ 17 คน ขณะที่แหล่งข่าวหลายรายจากโรงพยาบาลให้จำนวนคนเสียชีวิตว่ามี 19 คน
ทั้ง ซานี และ เชริฟฟ์ เล่าว่า มีชาย 2 คนถูกจับกุมและถูกส่งตัวให้ฝ่ายทหารสอบสวน หลังจากพวกเขาซึ่งยืนอยู่ห่างออกไป พากันสวมกอดกัน และร้องสรรเสริญอัลเลาะห์แบบยินดีที่ทำงานสำเร็จ
โบโก ฮารัม ซึ่งต้องการสถาปนารัฐอิสลามหัวรุนแรงขึ้นในบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไนจีเรีย ได้เคยก่อเหตุโจมตีมัสยิดและผู้นำทางศาสนาอิสลามมาก่อนหน้านี้แล้ว เนื่องจากผู้นำเหล่านั้นไม่ได้มีความคิดอุดมการณ์ทางศาสนาแบบสุดโต่งอย่างเดียวกับพวกตน
ประธานาธิบดีมูฮัมมาดู บูฮารี ของไนจีเรีย ได้ประกาศให้เวลาผู้บังคับบัญชากองทัพของเขาจนถึงเดือนธันวาคมนี้ เพื่อยุติการก่อความไม่สงบนี้ให้ได้ หลังจากที่ได้คร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 17,000 คน และอีกกว่า 2.5 คนต้องกลายเป็นคนพลัดที่อยู่อาศัย ทั้งนี้นับตั้งแต่ปี 2009
ในส่วนของเหตุโจมตีที่เมืองโยลา เมืองหลวงของรัฐแอดามาวา เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณบ่าย 2 โมง ที่มัสยิดจัมบูตู จูมา ในย่านจิเมตา ไม่นานนักหลังจากอิหม่ามเสร็จสิ้นการเทศนาครั้งปฐมฤกษ์
อาสาสมัครผู้หนึ่งที่มัสยิดซึ่งช่วยเหลือการกู้ภัยด้วยเล่าว่า มัสยิดแห่งนี้สร้างเกือบเสร็จแล้ว และเป็นครั้งแรกที่เปิดให้ประชาชนเข้าไปละหมาด
ขณะที่ ซาอัด เบลโล ผู้ประสานงานของ NEMA ในเมืองโยลาว่า มีผู้บาดเจ็บ 116 คนเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
เท่าที่ผ่านมา โยลา ถูกมองว่าค่อนข้างปลอดภัยจากการก่อความไม่สงบของพวกโบโก ฮารัม ถึงแม้อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งกลุ่มนี้ก่อเหตุโจมตีไม่ขาดสายตลอด 6 ปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ความหวาดกลัวเพิ่มทวีขึ้นหลังเกิดการระเบิดที่ค่ายพักผู้พลัดถิ่นในบริเวณด้านใต้ของเมืองนี้เมื่อเดือนที่แล้ว ทำให้มีผู้เสียชีวิตไป 7 คน บาดเจ็บอีก 20 คน
ในแคเมอร์รูน แหล่งข่าวทั้งในภูมิภาคและแหล่งข่าวความมั่นคงเปิดเผยว่า ในวันศุกร์ (23) โบโก ฮารัม ได้เข้ายึดเมืองเคราวา ซึ่งอยู่บริเวณเหนือสุดประเทศติดต่อกับไนจีเรีย เป็นระยะเวลาสั้นๆ เมื่อทหารยกกำลังไปถึง พวกนี้ก็หลบหนีเข้าไนจีเรีย
แหล่งข่าวซึ่งใกล้ชิดกับพวกเจ้าหน้าที่รับผิดชอบระดับภูมิภาค ระบุว่ามีพลเรือนจำนวนหนึ่งถูกฆ่าขณะกลุ่มหัวรุนแรงสุดโต่งเข้าโจมตี
เคราวา มีประชากร 50,000 คน มักตกเป็นเป้าโจมตีของ โบโก ฮารัม อยู่เสมอ
ภายในเมืองนี้มีค่ายทหารอยู่แห่งหนึ่ง ซึ่งถูกโจมตีด้วยฝีมือมือระเบิดฆ่าตัวตาย 2 รายซ้อนในวันที่ 3 กันยายน ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปอย่างน้อย 30 คน
เวลานี้ แคเรอรูน, ชาด, และไนเจอร์ ได้รวมตัวเป็นกลุ่มพันธมิตรทางทหารกับ ไนจีเรีย และเบนิน เพื่อเปิดทำศึกกับพวกหัวรุนแรงกลุ่มนี้ ซึ่งในปีนี้ได้ประกาศตัวแสดงความจงรักภักดีต่อกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส)
การรุกโจมตีของกองทหารชาติท้องถิ่นเหล่านี้ ทำให้การควบคุมพื้นที่แถบนี้ของพวกโบโก ฮารัม เกิดการรวนเรเสียหาย ทว่ากลุ่มนี้ยังคงสามารถรักษาที่มั่นซึ่งเข้าถึงได้ยากของบริเวณนี้ เป็นต้นว่า ป่าแซมบิซา, เทือกเขามันดารา, และเกาะหลายๆ เกาะในทะเลสาบชาด