เอเอฟพี/รอยเตอร์ - ราคาน้ำมันขยับลงต่อเนื่องในวันพุธ (21 ต.ค.) หลังพบสต๊อกเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น ซ้ำเติมความกังวลอุปทานล้นตลาด ส่วนวอลล์สตรีทปิดลบในกรอบแคบๆ ท่ามกลางรายงานผลประกอบการที่ผสมผสาน ขณะที่ทองคำดิ่งแรงจากดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น
น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 1.09 ดอลลาร์ ปิดที่ 45.20 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 86 เซ็นต์ ปิดที่ 47.85 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
รายงานของกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ ระบุว่า คลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 16 ตุลาคม เพิ่มขึ้นถึง 8 ล้านบาร์เรล เป็น 476.6 ล้านบาร์เรล
ตัวเลขดังกล่าวมากกว่าที่ตลาดคาดหมายไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 3.75 ล้านบาร์เรล ถึงกว่า 2 เท่า และบ่งชี้ถึงอุปสงค์ที่อ่อนแอภายในผู้บริโภครายใหญ่ของโลก ท่ามกลางภาวะอุปทานล้นตลาด
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯในวันพุธ (21 ต.ค.) ปิดลบในกรอบแคบๆ จากรายงานที่ผสมผสานของบริษัทรายใหญ่อย่าง เจนเนอรัล มอเตอร์ส และยาฮู
ดาวโจนส์ ลดลง 48.50 จุด (0.28 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17.168.61 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 11.83 จุด (0.58 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,018.94 จุด แนสแดค ลดลง 40.85 จุด (0.84 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,840.12 จุด
หุ้นของจีเอ็ม ทะยานถึง 5.8 เปอร์เซ็นต์ หลังรายได้สุทธิไตรมาส 3 แปลงเป็น 1.50 ดอลลาร์ต่อหุ้น ขณะที่นักวิเคราะห์คาดหมายว่าน่าจะอยู่ราวๆ 1.19 ดอลลาร์ ทว่าอีกด้านหนึ่ง ยาฮู ปิดลบหนัก 5.2 เปอร์เซ็นต์ หลังรายงานรายได้สุทธิแค่ 15 เซนต์ต่อหุ้น ต่ำกว่าที่ตลาดคาดหมายไว้
นอกจากนี้แล้ว วอลล์สตรีทยังถูกฉุดจากหุ้นกลุ่มปิโตรเลียม จากราคาน้ำมันที่ตกต่ำ โดยเอ็กซอนโมบิล ลดลง 0.8 เปอร์เซ็นต์ ส่วน อาปาเช ลดลง 1.8 เปอร์เซ็นต์ และเดวอน เอเนอร์จี ลดลง 3.9 เปอร์เซ็นต์
ด้านราคาทองคำปิดลบแรงเมื่อวันพุธ (21 ต.ค.) จากดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นและนักลงทุนขายทำกำไร หลังโลหะมีค่าชนิดนี้ปรับขึ้นต่อเนื่องในระยะหลัง โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 10.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,167.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์