เอเอฟพี - สหรัฐฯ และรัสเซียลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ที่กำหนดมาตรการต่างๆเพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุไม่พึงประสงค์ระหว่างปฏิบัติการโจมตีทางอากาศถล่มพวกหัวรุนแรงในซีเรีย จากการเปิดเผยของเพนตากอนเมื่อวันอังคาร (20 ต.ค.)
ปีเตอร์ คุ้ก โฆษกของเพนตากอนเปิดเผยว่าทั้งสองฝ่ายได้ลงนามในเอกสารก่อนหน้านี้ในวันเดียวกันและมีผลบังคับใช้ในทันที “กฎเกณฑ์ต่างๆ ถูกวางเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงต่างๆ ของเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์กลางอากาศระหว่างนักบินของเราและรัสเซีย” เขากล่าว “หากพวกเขาปฏิบัติตามระเบียบการนี้ เราก็จะไม่เสี่ยงประสานงากันกลางอากาศเหนือท้องฟ้าซีเรียกับนักบินรัสเซีย”
ในส่วนของมอสโกก็รายงานเช่นกันว่าทั้งสองประเทศได้ลงสนามในบันทึกความเข้าใจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เพนตากอนเผยว่า รัสเซียเป็นฝ่ายเริ่มขอหารือลดการเผชิญหน้ากับสหรัฐฯ หลังมอสโกลงมือโจมตีทางอากาศในซีเรีย เพื่อสนับสนุนกองกำลังของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด เมื่อวันที่ 30 กันยายน
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ โวยวายด้วยอารมณ์โกรธเคือง หลังพวกเขาเพิ่งได้รับแจ้งล่วงหน้าจากมอสโก แค่ราวๆ 1 ชั่วโมง ก่อนหน้าที่รัสเซียเริ่มต้นโจมตีทางอากาศในซีเรีย
โฆษกของเพนตากอนเผยว่า ใน MOU ได้กำหนดกฎเหณฑ์หลายๆ อย่างที่มีเป้าหมายเพื่อธำรงไว้ซึ่งความเป็นมืออาชีพของนักบิน เช่นเดียวกับการใช้คลื่นความถี่วิทยุร่วมกันสำหรับส่งสัญญาณแจ้งเหตุร้าย และสร้างช่องทางการติดต่อสื่อสารทางภาคพื้นอีกทาง
อย่างไรก็ตาม เขาย้ำว่าบันทึกความเข้าใจนี้ไม่ใช่การส่งสัญญาณว่าสหรัฐฯ เห็นพ้องอย่างกว้างขวางกับยุทธศาสตร์ในซีเรียของรัสเซีย “MOU ไม่ใช่การจัดตั้งขอบเขตความร่วมมือ แบ่งปันข่าวกรองหรือแบ่งปันข้อมูลเป้าหมายใดๆ ในซีเรีย” โฆษกระบุ “เรายังคงเชื่อว่ายุทธศาสตร์ของรัสเซียในซีเรียนั้นไม่สร้างสรรค์ และการสนับสนุนนายอัสซาดของพวกเขา รังแต่จะทำให้สงครามกลางเมืองซีเรียเลวร้ายลง”
สหรัฐฯ นำเหล่าชาติพันธมิตรมากกว่า 60 ประเทศ โจมตีเป้าหมายต่างๆ ของนักรบญิฮัดรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในอิรัก และซีเรีย และยกระดับถล่มทางอากาศถี่ขึ้นตลอดช่วงกว่า 1 ปีที่ผ่านมา ส่วนรัสเซียก็อ้างโจมตีเป้าหมายไอเอสและพวกก่อการร้ายอื่นๆ เช่นกัน แต่เพนตากอนชี้ว่าระเบิดเหล่านั้นไปลงที่ฝ่ายกบฏซึ่งกำลังสู้รบกับกองกำลังของประธานาธิบดีอัสซาดมากกว่า
ก่อนหน้านี้ในวันอังคาร (20 ต.ค.) สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่าเครื่องบินรบของรัสเซีย เฉียดใกล้เครื่องบินรบของพันธมิตรนานาชาติถึง 2 ครั้งในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยหนหนึ่งมีระยะห่างกันแค่ 500 ฟุต “รัสเซียต้องปฏิบัติตามระเบียบความปลอดภัยที่พวกเขาเห็นพ้องนี้ เพราะเราไม่ต้องการเกิดเหตุคำนวณพลาดหรือเข้าใจผิด” คุ้กกล่าว