รอยเตอร์ - ตำรวจมาเลเซียจับกุมนักศึกษาชาวโคโซโว ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็น “แฮกเกอร์” เจาะข้อมูลส่วนตัวของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กว่า 1,000 คนส่งให้แก่กลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในซีเรีย
เมื่อค่ำวันพฤหัสบดี (15 ต.ค.) ตำรวจมาเลเซียแถลงว่า อาร์ดิต เฟริซี วัย 20 ปี ซึ่งเดินทางเข้าไปศึกษาต่อด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์และนิติวิทยาศาสตร์ในมาเลเซียตั้งแต่เดือนสิงหาคม ปี 2014 จะถูกส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนไปยังสหรัฐฯ
ตำรวจเสือเหลืองระบุว่า ผู้ต้องหารายนี้มีการติดต่อกับสมาชิกไอเอสในซีเรียเพื่อวางแผนเจาะเซอร์เวอร์ที่เก็บบันทึกข้อมูลส่วนตัวของเจ้าหน้าที่ความมั่นคงสหรัฐฯ
“ข้อมูลที่ได้จะถูกส่งไปยังหน่วยปฏิบัติการของไอเอส เพื่อวางแผนโจมตีเป้าหมายเป็นรายบุคคลต่อไป” ตำรวจมาเลเซียระบุ
ผู้เชี่ยวชาญจากสหรัฐฯ ระบุว่า ประสิทธิภาพด้านการโจมตีทางไซเบอร์ชองไอเอสยังอยู่ในขั้นพื้นฐาน และไม่เคยสร้างความเสียหายรุนแรงต่อบุคคลหรือหน่วยงานใดๆ มาก่อน ทว่าไอเอสยังมีกลุ่มอาชญากรไซเบอร์ที่หน่วยต่อต้านก่อการร้ายของสหรัฐฯ และชาติพันธมิตรมองว่ามีศักยภาพสูงในการใช้โซเชียลมีเดียเผยแพร่อุดมการณ์สุดโต่ง ตลอดจนดึงดูดสมาชิกและผู้สนับสนุนเพิ่มเติม
กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ แถลงว่า เฟริซี ถูกตั้งข้อหาขโมยข้อมูลส่วนตัวของบุคลากรกองทัพและพนักงานของรัฐ รวมทั้งสิ้น 1,351 คน และให้การสนับสนุนกลุ่มไอเอส
เฟริซี ซึ่งเชื่อกันว่าน่าจะเป็นหัวหน้ากลุ่ม “โคโซวา แฮกเกอร์ส ซีเคียวริตีส์” เคยมีประวัติโจมตีเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของบริษัทอเมริกันแห่งหนึ่ง และขโมยข้อมูลรหัสส่วนตัว (PII) ของบุคคลไปหลายพันคน
“คดีลักษณะนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน... เราหวังว่าจะนำตัว เฟริซี มายังสหรัฐฯ เพื่อดำเนินคดีฐานขโมยข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงสนับสนุนไอเอสให้โจมตีบุคลากรของอเมริกา” จอห์น คาร์ลิน ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ แถลงเมื่อวันพฤหัสบดี (15)
เอกสารคำฟ้องระบุว่า เฟริซี ได้ส่งมอบข้อมูล PII ของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ให้แก่สมาชิกไอเอสหลายคน หนึ่งในนั้นคือ จูนาอิด ฮุสเซน แฮกเกอร์ชาวอังกฤษ ซึ่งสหรัฐฯ และยุโรประบุว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญอาชญากรรมไซเบอร์ระดับท็อปของไอเอสในซีเรีย
ฮุสเซน ซึ่งเป็นชาวอังกฤษจากเมืองเบอร์มิงแฮม ถูกสังหารในปฏิบัติการโดรนของสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 25 ส.ค. ที่ผ่านมา
เฟริซี ได้ทยอยส่งข้อมูล PII ให้แก่กลุ่มไอเอสระหว่างเดือนเมษายน-สิงหาคม ต่อมาในวันที่ 11 ส.ค. ฮุสเซน ก็ได้โพสต์ข้อความทวิตเตอร์ว่า “NEW : U.S. Military AND Government HACKED by the Islamic State Hacking Division!” และใส่ไฮเปอร์ลิงก์สำหรับคลิกเข้าไปดูเอกสารความยาว 30 หน้ากระดาษ
ข้อความบางส่วนในเอกสารระบุว่า “อีเมลและระบบคอมพิวเตอร์ของคุณตกอยู่ในมือเราแล้ว เราจับตาและบันทึกความเคลื่อนไหวของคุณทุกฝีก้าว เราทราบชื่อและที่อยู่ของคุณ”
เอกสารฉบับนี้ยังขู่อีกว่า ข้อมูลทั้งหมดจะถูกส่งให้แก่นักรบไอเอส “ซึ่งอีกไม่นานจะเข้าไปบั่นคอคุณในประเทศของคุณเอง ด้วยอนุมัติของอัลเลาะห์”
กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ แถลงว่า เอกสารที่ถูกโพสต์ “มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูล PII ให้แก่ผู้สนับสนุนไอเอสในสหรัฐฯ หรือประเทศอื่นๆ และส่งเสริมให้พวกเขาลงมือโจมตีเจ้าหน้าที่อเมริกัน”
มาเลเซียมีประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม และยังไม่เคยเผชิญเหตุโจมตีร้ายแรงมาก่อน แต่ที่ผ่านมารัฐบาลเสือเหลืองก็ได้จับกุมพลเมืองมากกว่า 100 คนที่ต้องสงสัยว่ามีความเชื่อมโยงกับกลุ่มรัฐอิสลาม