xs
xsm
sm
md
lg

อดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงรัสเซียยันขีปนาวุธที่ใช้ยิงเที่ยวบิน “MH 17” เป็นของกองทัพยูเครน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เอเจนซีส์ / ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - อดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพรัสเซียออกโรงยืนยันในวันอังคาร (13 ต.ค.) โดยระบุว่าทางการยูเครนคือ “ผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง” ของโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับเที่ยวบิน “MH 17” ของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส



อเล็กซานเดอร์ ลูซาน อดีตรองผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศของกองทัพรัสเซีย เปิดเผยผ่านสำนักข่าวอิตาร์-ทาสส์ ในวันอังคาร (13) โดยระบุว่ากองทัพรัสเซียไม่เคยมีขีปนาวุธแบบบุ๊ก (BUK) 9M38, 9M38M และแบบ 9M38M1 เข้าประจำการ แต่ขีปนาวุธแบบดังกล่าวซึ่งถูกทีมสอบสวนนานาชาติระบุว่า เป็นอาวุธที่ถูกยิงเข้าใส่เครื่องบินโดยสารของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์สเที่ยวบินที่ MH 17 เหนือน่านฟ้ายูเครนนั้น กลับเป็นขีปนาวุธที่มีใช้อย่างแพร่หลายในกองทัพของยูเครน

อดีตรองผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศของกองทัพรัสเซีย ชี้ว่า ทางการยูเครน คือ“ผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง” ของโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับเที่ยวบิน MH 17 เมื่อปี 2014 เนื่องจากกองทัพยูเครนมีการนำขีปนาวุธแบบดังกล่าวเข้าประจำการตลอดระยะเวลากว่า 15 ปีที่ผ่านมา หรือนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1999 สวนทางกับข้อมูลของกองทัพรัสเซีย ที่ไม่พบว่ามีการนำขีปนาวุธดังกล่าวเข้าประจำการเลยในช่วงระยะเวลาดังกล่าว

อดีตรองผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศของรัสเซียยังระบุว่า ขีปนาวุธในตระกูลบุคเพียงแบบเดียวที่กองทัพรัสเซียนำเข้าประจำการในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา คือ ขีปนาวุธแบบบุค “9M317” ซึ่งมีระบบการทำงานที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับขีปนาวุธทั้ง 3 แบบ ที่ถูกระบุว่าเป็นอาวุธสังหารในโศกนาฏกรรมเที่ยวบินมรณะดังกล่าว

ท่าทีล่าสุดของอดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพรัสเซียมีขึ้นหลังจากที่ทีมสืบสวนนานาชาติสรุปว่าเที่ยวบิน MH17 ของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ถูกยิงตกโดยขีปนาวุธที่ผลิตในรัสเซียซึ่งยิงมาจากพื้นที่ภาคตะวันออกของยูเครนที่ฝ่ายกบฏยึดครอง

รายงานดังกล่าวพยายามที่จะยุติการคาดเดาตลอด 15 เดือนในเรื่องที่ว่าเหตุใดเครื่องบินโบอิ้ง 777 ลำดังกล่าวถึงระเบิดกลางอากาศ และคร่าชีวิตผู้โดยสารและลูกเรือบนเครื่องหมดทั้งหมด 298 ชีวิต เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคมปี 2014 ขณะที่กำลังอยู่ในเส้นทางบินจากกรุงอัมสเตอร์ดัมสู่กัวลาลัมเปอร์

รายงานล่าสุดนี้มีเนื้อหาขัดแย้งกับข้อมูลของรัฐบาลรัสเซียที่ยืนยันมาตลอด 15 เดือนที่ผ่านมาว่าเครื่องบินโดยสารลำดังกล่าวถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธที่ยิงโดยกองทหารยูเครน ในขณะที่มันบินอยู่ที่ความสูงเหนือพื้นที่ภาคตะวันออกของยูเครนราว 33,000 ฟุต ถึงแม้คณะกรรมการด้านความปลอดภัยของเนเธอร์แลนด์ (Dutch Safety Board) ซึ่งนำทีมสืบสวนนานาชาตินี้จะเน้นย้ำว่า หน้าที่ของพวกเขาไม่ใช่การค้นหาว่าใครเป็นฝ่ายยิง ในขณะที่คณะอัยการของเนเธอร์แลนด์ก็กำลังดำเนินการสืบสวนแยกต่างหาก







กำลังโหลดความคิดเห็น