เอเจนซีส์ - ชาวตุรกีนับหมื่นออกมาชุมนุมกันในวันอาทิตย์ (11 ต.ค.) ที่กรุงอังการา ภายใต้การรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา เพื่อร่วมไว้อาลัยรำลึกถึงผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 95 ราย จากเหตุระเบิดฆ่าตัวตาย 2 รายซ้อนเมื่อ 1 วันก่อนหน้า ขณะที่พรรคเอชดีพีที่สนับสนุนชาวเคิร์ดยืนยันว่า ตัวเลขคนตายที่แท้จริงคือ 128 ราย นอกจากนั้นผู้นำของพรรคยังเรียกร้องประชาชนโค่นล้มรัฐบาลที่เชื่อว่ามีส่วนรู้เห็นในเหตุร้ายแรงนี้ ในการเลือกตั้งรัฐสภาซึ่งกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 1 เดือนหน้า
ผู้ประท้วงจำนวนมากออกมาชุมนุมกันในวันอาทิตย์จนแน่นจัตุรัสซิห์ฮิเย กลางกรุงอังการา ใกล้กับจุดที่เกิดเหตุระเบิดฆ่าตัวตายบริเวณหน้าสถานีรถไฟในวันเสาร์ ทั้งนี้ เพื่อร่วมไว้อาลัยให้ผู้เสียชีวิต โดยมีบางคนตะโกนคำขวัญต่อต้านรัฐบาล
การชุมนุมครั้งนี้จัดโดยสหภาพแรงงาน กลุ่มฝ่ายซ้าย องค์การพัฒนาเอกชน (เอ็นจีโอ) และพรรคพีเพิลส์ เดโมเครติก ปาร์ตี้ (เอชดีพี) ที่สนับสนุนชาวเคิร์ด ซึ่งก็เป็นกลุ่มเดียวกับที่จัดการเดินขบวนอย่างสันติเมื่อวันเสาร์ และตกเป็นเป้าหมายการโจมตีของมือระเบิดฆ่าตัวตาย ซึ่งเชื่อว่ามีสองคนและกระทำการต่อเนื่องกัน
เอชดีพีแถลงเมื่อวันอาทิตย์ กล่าวหาว่าตำรวจได้เข้าทำร้ายผู้นำและสมาชิกพรรคที่พยายามนำดอกไม้ไปวางในที่เกิดเหตุ จนมีบางคนได้รับบาดเจ็บจากการปะทะกัน
ผู้ประท้วงจำนวนมากพากันกล่าวโทษเออร์โดกัน โดยกล่าวหาว่าเขาเป็นฆาตกรและเรียกร้องให้รัฐบาลลาออก ขณะที่ตำรวจปราบจลาจลเตรียมรถฉีดน้ำเพื่อปิดกั้นไม่ให้ผู้ประท้วงเข้าสู่ถนนสายหลักที่เป็นที่ตั้งอาคารรัฐสภาและรัฐบาล
ทางด้านรัฐบาล ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่ามีส่วนรู้เห็นในเหตุระเบิด โดยนายกรัฐมนตรีอาเหม็ด ดาวูโตกลู ชี้ว่า กลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส), นักรบชาวเคิร์ดกลุ่มต่างๆ หรือกลุ่มฝ่ายซ้ายหัวรุนแรง อาจอยู่เบื้องหลังเหตุร้ายครั้งล่าสุด
รัฐบาลตุรกีประกาศไว้อาลัยให้ผู้เสียชีวิต 3 วัน และลดธงครึ่งเสาทั่วประเทศ ด้านประธานาธิบดีรีเซ็ป เทยิป เออร์โดกัน แถลงประณามการโจมตี “ชั่วร้าย” และยกเลิกการเดินทางเยือนเติร์กเมนิสถาน
สำหรับประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐฯ ได้ส่งสาส์นแสดงความเสียใจถึงเออร์โดกัน และประกาศร่วมมือในการต่อสู้การก่อการร้าย ขณะที่เฟเดอริกา โมเกอรินี ประธานด้านนโยบายการต่างประเทศสหภาพยุโรป (อียู) เรียกร้องตุรกียืนหยัดต่อสู้การก่อการร้าย
ในเวลาเดียวกัน เจ้าหน้าที่สอบสวนตุรกีพยายามเร่งการตรวจสอบระบุอัตลักษณ์ทั้งของมือระเบิดและเหยื่อเคราะห์ร้ายในที่เกิดเหตุ โดยหนังสือพิมพ์ฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลตุรกีฉบับหนึ่งรายงานว่า หลังจากวิเคราะห์ศพและลายนิ้วมือแล้ว สามารถระบุได้ว่ามือระเบิดคนหนึ่งเป็นชาย อายุ 25-30 ปี
นอกจากนั้น จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุยังพบกระสุนลูกปราย บ่งชี้ว่า ผู้วางแผนต้องการทำให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายสูงสุด
ตลอดคืนวันเสาร์ เจ้าหน้าที่สามารถระบุตัวตนเหยื่อได้ 52 ราย และมีการเปิดเผยว่าผู้บาดเจ็บ 246 รายยังนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล โดย 48 คนในจำนวนนี้อยู่ในแผนกผู้ป่วยวิกฤต
จนถึงช่วงค่ำวันอาทิตย์ยังไม่มีกลุ่มใดออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุระเบิดที่เกิดขึ้น ขณะที่ตุรกีซึ่งเป็นประเทศสมาชิกองค์การนาโต กำลังเผชิญภัยคุกคามจากภายนอกมากขึ้น จากการต่อสู้ในซีเรียที่เป็นเพื่อนบ้านอยู่ติดกัน และการรุกล้ำน่านฟ้าโดยเครื่องบินรบรัสเซียเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ทั้งนี้ เหตุระเบิดสองครั้งในตอนเช้าวันเสาร์ เกิดขึ้นห่างกันแค่เสี้ยววินาที ระหว่างการเดินขบวนอย่างสันติ เพื่อประท้วงการเสียชีวิตของคนนับร้อยนับจากความขัดแย้งซึ่งปะทุขึ้นอีกครั้งระหว่างกองกำลังความมั่นคงของรัฐบาลตุรกี กับกองกำลังติดอาวุธของพรรคเคอร์ดิสถาน เวิร์กเกอร์ส ปาร์ตี้ (พีเคเค) ซึ่งถูกประกาศเป็นองค์การนอกกฎหมาย ที่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงใต้ของตุรกี ที่ประชาชนส่วนใหญ่เป็นชาวเคิร์ด
เซลาฮัตติน ดิเมอร์ทัส ผู้นำเอชดีพี ปราศรัยในที่ชุมนุมเมื่อวันอาทิตย์ยืนยันว่า มีผู้เสียชีวิตจากเหตุระเบิดในวันเสาร์ 128 ราย ขณะที่ตัวเลขอย่างเป็นทางการของรัฐบาลยังอยู่ที่ 95 ราย ซึ่งไม่ว่าตัวเลขที่แท้จริงจะเป็นเท่าใด ที่แน่ๆ คือความสูญเสียครั้งนี้รุนแรงกว่าเหตุระเบิดในเดือนพฤษภาคม 2013 ที่เมืองเรย์ฮันลี ติดกับชายแดนซีเรียที่มีผู้เสียชีวิตกว่า 50 ราย และถือเป็นการโจมตีที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของสาธารณรัฐตุรกี
ดิเมอร์ทัสสำทับว่า แทนที่จะหาทางแก้แค้น ประชาชนควรรวมพลังกันโค่นล้มรัฐบาล ในการเลือกตั้งวันที่ 1 พฤศจิกายน
เมื่อวันเสาร์ ดิเมอร์ทัสกล่าวหารัฐบาลอย่างโจ่งแจ้งว่า เหตุระเบิดครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการเดียวกับการระเบิดการเดินขบวนของเอชดีพีในเมืองดิยาร์บากีร์ ทางตะวันตกเฉียงใต้ก่อนการเลือกตั้งในเดือนมิถุนายน และเหตุระเบิดฆ่าตัวตายในซูรุก ใกล้ชายแดนติดกับซีเรีย เมื่อเดือนกรกฏาคม ที่มีผู้เสียชีวิต 33 ราย ส่วนใหญ่เป็นนักเคลื่อนไหวหนุ่มสาวที่สนับสนุนชาวเคิร์ด
หนึ่งชั่วโมงหลังเหตุระเบิดล่าสุด ทางพีเคเคสั่งให้นักรบยุติปฏิบัติการในตุรกีชั่วคราว เว้นแต่เพื่อป้องกันตัว ทั้งนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการกระทำที่อาจบ่อนทำลายการเลือกตั้งอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรมในวันที่ 1เดือนหน้า
