“ผู้เชี่ยวชาญ” ระบุ “สมควรแก่เหตุ” ตร.ผิวขาวยิงสังหารดช.ผิวดำที่ถือปืนปลอม

เอเอฟพี -ตำรวจผิวขาวในเมืองคลิฟแลนด์ มลรฐโอไอโอ กระทำการอย่างชอบธรรมสมควรแก่เหตุแล้ว ในการยิงเด็กชายผิวดำอายุ 12 ปีคนหนึ่งจนเสียชีวิตในปีที่แล้ว ขณะที่เด็กผู้นี้กำลังถือปืนของเล่นกระบอกหนึ่ง ทั้งนี้ตามรายงานของ “ผู้เชี่ยวชาญ” ที่อัยการผู้สอบสวนคดีนี้สั่งให้จัดทำ และถูกนำออกเผยแพร่เมื่อวันเสาร์ (10 ต.ค.) ที่ผ่านมา

จากภาพวิดีโอของกล้องวงจรปิดแสดงให้เห็นว่า ทามีร์ ไรซ์ เด็กวัยรุ่นผิวดำผู้นี้ ถูกฆ่าตายในเวลาไม่กี่วินาที หลังจากรถสายตรวจของตำรวจเดินทางไปถึงที่เกิดเหตุซึ่งอยู่ภายในสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนมิถุนายน ผู้พิพากษาในคดีนี้มีความเห็นว่า อาจจะมีมูลทางคดีที่จะตั้งข้อหาฆาตกรรมต่อตำรวจ

อย่างไรก็ตาม ในรายงาน 2 ฉบับที่แยกกันจัดทำ โดยฉบับหนึ่งเป็นของ เจ้าหน้าที่เอฟบีไอที่เกษียณอายุแล้วรายหนึ่ง และอีกฉบับหนึ่งเป็นของเจ้าหน้าที่อัยการผู้หนึ่งในเมืองเดนเวอร์ ต่างมีความเห็นตรงกันว่า การตัดสินใจของตำรวจผู้มีนามว่า ทิโมธี โลห์มานน์ ในการยิงเด็กชายผู้นี้ “สมเหตุสมผล” แล้ว เพราะสามารถที่จะมองว่า ไรซ์ เป็นภัยอันตรายได้ โดยที่ในการแจ้งเหตุผ่านหมายเลขโทรศัพท์ฉุกเฉิน 911 นั้น ผู้แจ้งเหตุต่อตำรวจระบุว่า ไรซ์ เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังกวัดแกว่งปืนและเล็งปืนไปมา

สำนักงานอัยการเขตเทศมณฑลคูยาโฮกา เป็นผู้เปิดเผยรายงานทั้ง 2 ชิ้นนี้ โดยที่ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญเช่นนี้ เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการรวบรวมหลักฐานเพื่อยื่นเสนอต่อคณะลูกขุนใหญ่ ซึ่งจะเป็นผู้ตัดสินว่าควรตั้งข้อหาทางอาญาต่อ โลห์มานน์ จากการเสียชีวิตของ ไรซ์ เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2014 หรือไม่

“เรายังไม่ใช่ว่ามีข้อสรุปแล้วจากรายงานเหล่านี้” อัยการ ทิโมธี แมคกินตี กล่าวในคำแถลง พร้อมกับย้ำว่า การรวบรวมหลักฐานยังคงดำเนินอยู่ และคณะลูกขุนใหญ่จะเป็นผู้ประเมินเรื่องทั้งหมด

นอกจากนั้น สำนักงานของเขายังได้เผยแพร่รายงานการทดสอบปะติดปะต่อเรื่องราวในคดีนี้ขึ้นมาใหม่ ซึ่งจัดทำโดย สำนักงานตำรวจทางหลวงของมลรัฐโอไฮโอ

ทางด้าน สุโพธ จันทรา ทนายความของครอบครัวไรซ์ ได้ออกมากล่าวหา “ผู้เชี่ยวชาญ” ทั้ง 2 รายว่า กำลังช่วยเหลือ “การฟอกตัว” ในคดีนี้ อีกทั้งกล่าวหาฝ่ายอัยการว่าใช้เวลามาตลอด 11 เดือนเพื่อหลบเลี่ยงไม่ยอมหาตัวผู้ที่จะต้องรับผิดมาลงโทษ

คำแถลงของจันทราบอกว่า พวกที่อ้างตัวว่าเป็น “ผู้เชี่ยวชาญ” เหล่านี้ ซึ่งล้วนแต่เป็นพวกที่เข้าข้างตำรวจนั้น หลีกเลี่ยงไม่มองดูข้อเท็จจริงธรรมดาๆ ที่ว่า ตำรวจเหล่านี้พุ่งตัวไปที่ ทามีร์ และยิงเขาในทันทีโดยไม่ได้มีการประเมินสถานการณ์อะไรกันเลย เขายังตั้งคำถามว่า “ในเวลาพิจารณาคดีของคณะลูกขุนใหญ่นั้น ใครจะเป็นผู้ขึ้นพูดแทนทามีร์? คงจะไม่ใช่คุณอัยการกระมัง”

เหตุการณ์ที่ตำรวจสังหารไรซ์ และวัยรุ่นตลอดจนผู้ใหญ่ผิวดำที่ปราศจากอาวุธคนอื่นๆ ซึ่งเกิดขึ้นมาหลายครั้งหลายหน กลายเป็นชนวนทำให้เกิดการประท้วงทั่วทั้งสหรัฐฯ และเป็นเชื้อเพลิงหล่อเลี้ยงขบวนการเคลื่อนไหวเรียกร้องสิทธิและความเป็นธรรมให้แก่คนผิวดำที่ใช้ชื่อว่า “Black Lives Matter” (ชีวิตคนผิวดำก็สำคัญ)

อัตราการถูกจับกุมของชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันเวลานี้ได้ลดต่ำลงมาจากในอดีตเล็กน้อย แต่พวกเขายังคงมีโอกาสที่จะถูกจับกุมมากกว่าคนผิวขาวถึง 6 เท่าตัว และบ่อยครั้งต้องเผชิญการถูกลงโทษหนักหน่วงกว่าในการก่ออาชญากรรมคล้ายๆ กัน ทั้งนี้ตามรายงานของสมาคมแห่งชาติเพื่อความก้าวหน้าของคนผิวสี (NAACP)