ผู้ว่าการมลรัฐมิสซูรีปฏิเสธเสียงเรียกร้องให้ตั้งคณะลูกขุนใหญ่ชุดใหม่ในคดีตำรวจผิวขาวยิงหนุ่มผิวสีเมื่อเดือนสิงหาคม ขณะที่สถานการณ์การประท้วงในเมืองเฟอร์กูสันเริ่มสงบลงเมื่อวันพุธ (26 พ.ย.) แต่ในวันเดียวกันนั้นก็มีการเผยแพร่วิดีโอแสดงให้เห็นตำรวจยิงเด็กชายผิวดำวัย 12 ปีที่ถือปืนของเล่นเสียชีวิตอีกกรณีหนึ่ง ซึ่งอาจจุดชนวนความรุนแรงทางสีผิวในสหรัฐฯให้ปะทุขึ้นมาอีก
หลังผ่านไป 2 วันนับจากที่คณะลูกขุนใหญ่ในมิสซูรี มีมติไม่สั่งฟ้องดาร์เรน วิลสัน ตำรวจผิวขาว กรณียิงไมเคิล บราวน์ วัย 18 ปี จนเสียชีวิตเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ที่เมืองเฟอร์กูสัน เมืองพำนักอาศัยของชาวผิวดำย่านชานเมืองเซนต์หลุยส์ สถานการณ์การประท้วงในเมืองนี้ก็เริ่มสงบลงในวันพุธ (26) หรือก่อนวันขอบคุณพระเจ้าในสหรัฐฯ 1วัน ส่วนหนึ่งเนื่องจากหิมะตกหนักอากาศหนาวยะเยือก และอีกส่วนน่าจะมาจากการที่ทางมลรัฐระดมทหารกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิกว่า 2,000 คน เข้ามาช่วยตำรวจรักษาความสงบ
รายงานระบุว่า ช่วงเช้าวันพุธ ผู้ประท้วงราว 200 คนไปรวมตัวกันหน้าศาลาว่าการเซนต์หลุยส์ บางคนพยายามบุกเข้าไปในตึก แต่ไม่นานก็ถูกตำรวจจลาจลเข้าสลายการชุมนุม และมีผู้ถูกจับกุมอย่างน้อย 2 คน
ช่วงค่ำวันเดียวกัน คงเหลือผู้ประท้วงไม่กี่สิบคนหน้าสำนักงานตำรวจเฟอร์กูสัน โดยมีบางคนตะโกนเสียดสีทหารกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ
ทั้งนี้ การวินิจฉัยของคณะลูกขุนใหญ่ที่ไม่สั่งฟ้องวิลสัน โดยระบุว่า เป็นการป้องกันตัวตามที่เขาได้รับการฝึกมานั้น ได้ปลุกเร้าให้เกิดการประท้วงในเมืองเฟอร์กูสัน ซึ่งเป็นที่เกิดเหตุ โดยมีทั้งการเผารถและอาคาร ตลอดจนมีผู้ฉวยโอกาสปล้นร้านค้า
นอกจากนี้ ยังมีผู้คนนับพันร่วมชุมนุมประท้วงใน 12 เมืองทั่วสหรัฐฯ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนักในอเมริกา บ่งชี้ว่าคดีนี้ได้ปลุกประเด็นภาวะร้าวฉานในความสัมพันธ์ด้านเชื้อชาติกลับมาอีกครั้ง อย่างไรก็ดี แม้การชุมนุมเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นไปโดยสงบ ก็มีรายงานว่า ตำรวจจับกุมผู้ประท้วงทั่วประเทศราว 400 คน
ในวันพุธเช่นกัน ได้มีการเผยแพร่ภาพวิดีโอจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด แสดงให้เห็นกรณีตำรวจเมืองคลิฟแลนด์ มลรัฐโอไฮโอ ยิง ทามีร์ ไรซ์ เด็กชายผิวสีวัย 12 ปีที่ถือปืนปลอมจนเสียชีวิตเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยที่เขาถูกยิงแทบจะทันทีหลังจากรถสายตรวจมาถึงที่เกิดเหตุ คาดหมายกันว่ากรณีนี้อาจโหมกระพือความตึงเครียดด้านเชื้อชาติอีกแรงหนึ่ง ขณะที่กรณีการเสียชีวิตของบราวน์ก็ยังคุกรุ่นอยู่
หลังผ่านไป 2 วันนับจากที่คณะลูกขุนใหญ่ในมิสซูรี มีมติไม่สั่งฟ้องดาร์เรน วิลสัน ตำรวจผิวขาว กรณียิงไมเคิล บราวน์ วัย 18 ปี จนเสียชีวิตเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ที่เมืองเฟอร์กูสัน เมืองพำนักอาศัยของชาวผิวดำย่านชานเมืองเซนต์หลุยส์ สถานการณ์การประท้วงในเมืองนี้ก็เริ่มสงบลงในวันพุธ (26) หรือก่อนวันขอบคุณพระเจ้าในสหรัฐฯ 1วัน ส่วนหนึ่งเนื่องจากหิมะตกหนักอากาศหนาวยะเยือก และอีกส่วนน่าจะมาจากการที่ทางมลรัฐระดมทหารกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิกว่า 2,000 คน เข้ามาช่วยตำรวจรักษาความสงบ
รายงานระบุว่า ช่วงเช้าวันพุธ ผู้ประท้วงราว 200 คนไปรวมตัวกันหน้าศาลาว่าการเซนต์หลุยส์ บางคนพยายามบุกเข้าไปในตึก แต่ไม่นานก็ถูกตำรวจจลาจลเข้าสลายการชุมนุม และมีผู้ถูกจับกุมอย่างน้อย 2 คน
ช่วงค่ำวันเดียวกัน คงเหลือผู้ประท้วงไม่กี่สิบคนหน้าสำนักงานตำรวจเฟอร์กูสัน โดยมีบางคนตะโกนเสียดสีทหารกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ
ทั้งนี้ การวินิจฉัยของคณะลูกขุนใหญ่ที่ไม่สั่งฟ้องวิลสัน โดยระบุว่า เป็นการป้องกันตัวตามที่เขาได้รับการฝึกมานั้น ได้ปลุกเร้าให้เกิดการประท้วงในเมืองเฟอร์กูสัน ซึ่งเป็นที่เกิดเหตุ โดยมีทั้งการเผารถและอาคาร ตลอดจนมีผู้ฉวยโอกาสปล้นร้านค้า
นอกจากนี้ ยังมีผู้คนนับพันร่วมชุมนุมประท้วงใน 12 เมืองทั่วสหรัฐฯ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนักในอเมริกา บ่งชี้ว่าคดีนี้ได้ปลุกประเด็นภาวะร้าวฉานในความสัมพันธ์ด้านเชื้อชาติกลับมาอีกครั้ง อย่างไรก็ดี แม้การชุมนุมเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นไปโดยสงบ ก็มีรายงานว่า ตำรวจจับกุมผู้ประท้วงทั่วประเทศราว 400 คน
ในวันพุธเช่นกัน ได้มีการเผยแพร่ภาพวิดีโอจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด แสดงให้เห็นกรณีตำรวจเมืองคลิฟแลนด์ มลรัฐโอไฮโอ ยิง ทามีร์ ไรซ์ เด็กชายผิวสีวัย 12 ปีที่ถือปืนปลอมจนเสียชีวิตเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยที่เขาถูกยิงแทบจะทันทีหลังจากรถสายตรวจมาถึงที่เกิดเหตุ คาดหมายกันว่ากรณีนี้อาจโหมกระพือความตึงเครียดด้านเชื้อชาติอีกแรงหนึ่ง ขณะที่กรณีการเสียชีวิตของบราวน์ก็ยังคุกรุ่นอยู่
