เอเอฟพี/รอยเตอร์ - ผู้บัญชาการสหรัฐฯ ของกองกำลังนานาชาติในอัฟกานิสถานเมื่อวันจันทร์ (5 ต.ค.) อ้างว่าเป็นฝ่ายกองทัพอัฟกานิสถานเองที่ร้องขอให้อเมริกาลงมือโจมตีทางอากาศถล่มโรงพยาบาลเมืองคุนดุซ คร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ 22 คน ปฏิบัติการที่เรียกเสียงประณามจากกลุ่มแพทย์ไร้พรมแดน และสหประชาชาติ ว่าเป็น “อาชญากรรมสงคราม”
ความเห็นของ พล.อ.จอห์น เอฟ แคมป์เบลล์ ถือเป็นการปฏิเสธความรับผิดชอบโดยอ้อมของสหรัฐฯ เกี่ยวกับเหตุโจมตีทางอากาศถล่มโรงพยาบาลของกลุ่มแพทย์ไร้พรมแดน (MSF) เมื่อวันเสาร์ (3 ต.ค.) ที่ผ่านมา ขณะที่ในวันจันทร์ (5 ต.ค.) ทาง MSF ย้ำถึงข้อเรียกร้องขอให้ดำเนินการสืบสวนอย่างอิสระต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยระบุว่าคำบอกเล่าเหตุการณ์ที่ไม่ตรงกัน ทำให้การตรวจสอบคือสิ่งสำคัญยิ่ง
“ตอนนี้เราทราบแล้วว่าเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม กองทัพอัฟกันขอคำปรึกษาว่าพวกเขาถูกโจมตีมาจากที่มั่นต่างๆ ของศัตรู และขอกำลังสนับสนุนทางอากาศจากสหรัฐฯ” แคมป์เบลล์ แถลงสรุปต่อผู้สื่อข่าว “จากนั้นก็มีการร้องขอโจมตีทางอากาศจำกัดภัยคุกคามตอลิบาน และมันโจมตีโดนพลเรือนหลายคนโดยไม่ได้ตั้งใจ”
แคมป์เบลล์บอกว่า กองทัพสหัฐฯ ไม่ควรถูกวิพากษ์วิจารณ์โดยตรงต่อเหตุการณ์นี้ และการโจมตีทางอากาศดังกล่าวไม่ได้ร้องขอในนามของพวกเขา สวนทางกับถ้อยแถลงของกองทัพสหรัฐฯ ก่อนหน้านี้
ด้านคริสโตเฟอร์ สโตกส์ ผู้อำนวยการทั่วไปกลุ่มแพทย์ไร้พรมแดน บอกว่าความเห็นของแคมป์เบลล์ เป็นเพียงแค่ความพยายามผลักความรับผิดชอบเหตุโจมตีไปให้แก่รัฐบาลอัฟกันเท่านั้น “ข้อเท็จจริงคือสหรัฐฯ เป็นคนทิ้งระเบิด” ถ้อยแถลงระบุ “การโจมตีของสหรัฐฯ โดนโรงพยาบาลที่อัดแน่นไปได้ผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บและเจ้าหน้าที่ของ MSF กองทัพสหรัฐฯ ต้องรับผิดชอบต่อเป้าหมายต่างๆ ที่พวกเขาโจมตี แม้ว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของพันธมิตรก็ตาม ไม่มีเหตุผลใดสามารถแก้ตัวในเหตุโจมตีอันน่าขยะแขยงนี้ได้”
แคมป์เบลล์เผยว่า พลจัตวาริชาร์ด คิม แห่งกองทัพสหรัฐฯ คือเจ้าหน้าที่สืบสวนระดับสูงของเหตุการณ์ดังกล่าวและตอนนี้อยู่ในเมืองคุนดุซแล้ว พร้อมระบุว่ากองทัพอเมริกาขอรับประกันความโปร่งใสในการสืบสวน ขณะที่เจ้าหน้าที่จากนาโตและอัฟกันก็จะลงมือสืบสวนของตนเองเช่นกัน “หากมันเป็นความผิดพลาด เราจะยอมรับมัน เราจะนำคนเหล่านี้มาลงโทษและจะใช้มาตรการต่างๆ เพื่อรับประกันว่าจะไม่เกิดความผิดพลาดซ้ำอีก”
เมื่อถูกถามถึงเสียงเรียกร้องของ MSF ที่ขอให้นานาชาติเข้าสืบสวน แคมป์เบลล์ตอบว่าสหรัฐฯ นาโตและอัฟกัน จะสืบสวนเหตุโจมตีนี้อยู่แล้ว แต่ก็ไม่ปิดตายประตูสำหรับการสืบสวนจากภายนอก
เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นขณะที่คุนดุซกำลังเผชิญวิกฤตมนุษยธรรม จากการที่พลเรือนนับพันติดอยู่ในวงล้อมการต่อสู้ระหว่างกองกำลังรัฐบาลกับกลุ่มก่อการร้าย ขณะเดียวกัน ตอลิบานถือโอกาสนี้ประณามกองกำลังป่าเถื่อนของอเมริกาที่โจมตีทางอากาศต่อโรงพยาบาลพลเรือน พร้อมทั้งปฏิเสธว่า นักรบของตนไม่ได้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลของ MSF
เซอิด ราอัดอัล ฮุสเซน ข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เรียกร้องให้มีการตรวจสอบเหตุการณ์นี้อย่างเต็มที่และโปร่งใส พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า การโจมตีโรงพยาบาลถือเป็นเรื่องที่อภัยให้ไม่ได้และอาจเข้าข่ายอาชญากรรมสงคราม