เอเอฟพี - “โอบามา” ให้คำมั่นสอบสวนอย่างเต็มรูปแบบ กรณีอเมริกาทิ้งระเบิดใส่โรงพยาบาลในคุนดูซ ทางเหนือของอัฟกานิสถาน ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 19 ราย ขณะที่ยูเอ็นระบุว่า อาจเข้าข่ายอาชญากรรมสงคราม ด้านแพทย์ไร้พรมแดนโต้คาบูล ไม่มีกลุ่มก่อการร้ายใช้โรงพยาบาลดังกล่าวเป็นที่มั่นในการต่อสู้
กลุ่มแพทย์ไร้พรมแดน (MSF) แถลงว่า ผู้ป่วยหลายคนถูกเผาทั้งเป็นอยู่บนเตียงระหว่างการโจมตีที่ต่อเนื่องนานกว่าหนึ่งชั่วโมงในช่วงเช้ามืดวันเสาร์ (3) แม้แจ้งไปยังวอชิงตันและคาบูลแล้วว่า โรงพยาบาลถูกโจมตี
“เจ้าหน้าที่ 12 คนและคนไข้อย่างน้อย 7 คน ซึ่งรวมถึงเด็ก 3 คน เสียชีวิต และมีผู้บาดเจ็บ 37 คน การโจมตีครั้งนี้น่าขยะแขยงและละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศขั้นรุนแรง” MSF ระบุ
การโจมตีทางอากาศดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากนักรบตอลิบานเข้ายึดเมืองคุนดุซ ซึ่งเป็นเมืองสำคัญทางยุทธศาสตร์ทางเหนือของอัฟกานิสถานเมื่อหลายวันก่อน ซึ่งถือเป็นชัยชนะครั้งใหญ่ที่สุดนับจากที่กลุ่มก่อการร้ายนี้ถูกกองกำลังพันธมิตรที่นำโดยอเมริกาโค่นล้มเมื่อปี 2001
กองกำลังอัฟกัน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากนาโต อ้างว่า สามารถยึดคุนดูซคืนได้แล้ว ทว่า กระทรวงกลาโหมในคาบูลระบุว่า ยังมีกลุ่มก่อการร้ายติดอาวุธใช้โรงพยาบาลของ MSF ในเมืองดังกล่าวเป็นที่มั่นในการโจมตีกองกำลังและพลเรือนอัฟกัน
ทว่า MSF ปฏิเสธข้อกล่าวอ้างของทางการอัฟกานิสถาน ทั้งยังบอกว่า ได้ติดต่อเพื่อแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ทหารทั้งในคาบูลและวอชิงตัน แต่อาคารหลักที่เป็นที่ตั้งห้องฉุกเฉินและหออภิบาลผู้ป่วยวิกฤตยังถูกถล่ม “ซ้ำแล้วซ้ำอีกอย่างแม่นยำมาก” เกือบทุก 15 นาทีนานกว่า 1 ชั่วโมง
ประธานาธิบดีบารัค โอบามาของอเมริกา ได้แสดงความเสียใจสุดซึ้งต่อ “เหตุการณ์ที่เศร้าสลด” ครั้งนี้ และว่า กระทรวงต่างประเทศได้เปิดการสอบสวนเต็มรูปแบบ ซึ่งอเมริกาจะรอผลการสอบสวนดังกล่าวก่อนตัดสินขั้นเด็ดขาดเกี่ยวกับโศกนาฏกรรมครั้งนี้
อนึ่ง ก่อนหน้านั้นนาโตยอมรับว่ากองกำลังอเมริกันอาจอยู่เบื้องหลังการทิ้งระเบิดดังกล่าว หลังเปิดโจมตีเป้าหมายที่เชื่อว่าเป็นผู้ก่อการร้าย
“การโจมตีดังกล่าวอาจส่งผลให้เกิดความเสียหายใกล้เคียงกับหน่วยการแพทย์ที่อยู่ใกล้เคียง และกำลังมีการสอบสวนสิ่งที่เกิดขึ้น” นาโตแถลง
โศกนาฏกรรมนี้รื้อฟื้นความกังวลเกี่ยวกับการโจมตีทางอากาศของอเมริกาในอัฟกานิสถาน ซึ่งเป็นประเด็นปัญหาที่หยั่งรากลึกยาวนานตลอด 14 ปีของปฏิบัติการขับไล่ตอลิบาน
เซอิด ราอัดอัล ฮุสเซน ข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เรียกร้องให้มีการตรวจสอบเหตุการณ์นี้อย่างเต็มที่และโปร่งใส พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า การโจมตีโรงพยาบาลถือเป็นเรื่องที่อภัยให้ไม่ได้และอาจเข้าข่ายอาชญากรรมสงคราม
นอกจากนี้ MSF ยังให้รายละเอียดว่า ขณะถูกโจมตีมีคนไข้และผู้ดูแลราว 105 คน รวมถึงเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นและต่างชาติของ MSF อีกกว่า 80 คนอยู่ในโรงพยาบาล ซึ่งเป็นโรงพยาบาลแห่งเดียวที่สามารถรองรับผู้บาดเจ็บจำนวนมากได้
MSF ยังยืนยันว่า กองกำลังอัฟกันและพันธมิตรรู้ตำแหน่งที่แม่นยำของโรงพยาบาล เนื่องจากเคยได้รับแจ้งพิกัดตำแหน่ง GPS ของโรงพยาบาลซึ่งเปิดดำเนินการมานานถึง 4 ปี
MSF สำทับว่า โรงพยาบาลที่ถูกถล่มเป็นสถานพยาบาลสำคัญในพื้นที่ตอนเหนือของอัฟกานิสถาน แต่ขณะนี้ ไม่สามารถดำเนินการได้อีกต่อไป รวมทั้งไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะกลับมาดำเนินการได้อีกหรือไม่ โดยขณะนี้ได้มีการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยวิกฤตทั้งหมดไปยังสถานพยาบาลอื่นๆ แล้ว
เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นขณะที่คุนดุซกำลังเผชิญวิกฤตมนุษยธรรม จากการที่พลเรือนนับพันติดอยู่ในวงล้อมการต่อสู้ระหว่างกองกำลังรัฐบาลกับกลุ่มก่อการร้าย การปะทะกันระลอกล่าสุดทำให้มีประชาชนเสียชีวิตอย่างน้อย 60 ราย และบาดเจ็บถึง 400 คน
ขณะเดียวกัน ตอลิบานถือโอกาสนี้ประณามกองกำลังป่าเถื่อนของอเมริกาที่โจมตีทางอากาศต่อโรงพยาบาลพลเรือน พร้อมทั้งปฏิเสธว่า นักรบของตนไม่ได้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลของ MSF
อนึ่ง ปฏิบัติการโจมตีของตอลิบานในคุนดุซถือเป็นความเพลี่ยงพล้ำสำคัญของกองกำลังอัฟกันที่ได้รับการฝึกจากตะวันตก โดยนาโตที่นำโดยอเมริกา ปิดฉากภารกิจการรบในอัฟกานิสถานตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้ว แต่ยังคงกำลัง 13,000 นายสำหรับการฝึกและปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้าย