เอเจนซีส์ / ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - ผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุดซึ่งทำขึ้นในรัสเซียและมีการเผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบดี (1 ต.ค.) ระบุว่าประชากรแดนหมีขาวส่วนใหญ่ไม่ต้องการให้รัฐบาลมอสโกผนวกเอาดินแดนทางภาคตะวันออกของยูเครนเข้ามารวมเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย
ผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุดในรัสเซียที่จัดทำโดยสำนักวิจัย “VTsIOM” และมีการเผยแพร่ผ่านสื่อสำนักต่างๆ ทั่วแดนหมีขาว ระบุว่า กลุ่มตัวอย่างชาวรัสเซียสูงถึงร้อยละ 82 ไม่ปรารถนาให้รัฐบาลรัสเซีย ภายใต้การนำของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ทำการผนวกเอาดินแดนเขตโดเนตส์ก และลูกานส์ก ที่เป็นส่วนหนึ่งของเขต “วงแหวนถ่านหิน” ดอนบาสส์ ทางภาคตะวันออกของยูเครน เข้ามารวมกับรัสเซีย โดยมีเพียงร้อยละ 18 เท่านั้นที่หนุนให้ปูตินผนวกดินแดนดังกล่าวเข้ามารวมกับรัสเซีย
ผลการสำรวจความคิดเห็นล่าสุดยังบ่งชี้ว่า ร้อยละ 31 หรือเกือบ 1 ใน 3 ของกลุ่มตัวอย่างชายหญิงชาวรัสเซียจำนวน 1,600 คนที่อาศัยอยู่ใน 46 เขตปกครองทั่วประเทศลงความเห็นว่า รัฐบาลรัสเซียควรวางตัว “เป็นกลาง” ต่อภาวะสงครามกลางเมืองในยูเครน โดยไม่จำเป็นต้องเลือกข้างสนับสนุนกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดน ในเขตโดเนตส์ก และลูกานส์ก ถึงแม้เขตทั้งสองจะมีประชากรเชื้อสายรัสเซียอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากก็ตาม
อย่างไรก็ดี ผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุดระบุว่า ร้อยละ 26 หรือราว 1 ใน 4 ของชาวรัสเซีย ต้องการให้พื้นที่ภาคตะวันออกของยูเครนกลายเป็น “ประเทศเอกราช” และหนุนให้คู่ขัดแย้งทุกฝ่ายในสงครามกลางเมืองยูเครน ยอมยุติการสู้รบและหันมาเจรจาสันติภาพ โดยเชื่อว่า ความสงบสุขในพื้นที่ภาคตะวันออกของยูเครนจะเป็น “ผลดี” ต่อรัสเซียมากกว่า
ผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุดในรัสเซียที่ระบุว่า ชาวรัสเซียส่วนใหญ่ไม่ต้องการให้มีการผนวกพื้นที่ภาคตะวันออกของยูเครน โดยเฉพาะเขตโดเนตส์ก และลูกานส์กเข้ามารวมเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียนั้น ถือว่ามีความขัดแย้งอย่างสิ้นเชิงกับผลการสำรวจความคิดเห็นเมื่อช่วงต้นปีนี้ ที่พบข้อมูลว่าร้อยละ 85 หรือราว2 ใน 3 ของกลุ่มตัวอย่างชาวรัสเซียเชื่อว่าประเทศของตนเป็นฝ่ายที่ “ได้ประโยชน์” จากการผนวกดินแดน “ไครเมีย” มาจากยูเครนเมื่อปี 2014 ถึงแม้รัฐบาลมอสโกจะต้องแบกรับค่าใช้จ่ายมหาศาลในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของไครเมียก็ตาม
ผลสำรวจดังกล่าวชี้ว่า การได้เข้าถึง “ทางออกสู่ทะเล” และการได้ครอบครองฐานทัพเรือใน “ทะเลดำ” อย่างเต็มรูปแบบถือเป็น “ผลประโยชน์ที่มิอาจประเมินค่าได้” จากการตัดสินใจผนวกไครเมียของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินเมื่อต้นปี 2014
นอกเหนือจากผลประโยชน์ในการเข้าถึงทางออกทะเลและฐานทัพเรือในทะเลดำแล้ว ผลสำรวจล่าสุดพบว่า ชาวรัสเซียเกือบ 1 ใน 4 (ร้อยละ 23) รู้สึกยินดีที่ไครเมียซึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียมาก่อน ได้กลับคืนสู่อ้อมอกของแดนหมีขาวอีกครั้ง
ขณะเดียวกัน กลุ่มตัวอย่างชาวรัสเซียร้อยละ 27 เชื่อว่าประชาคมโลกจะให้การรับรองไครเมีย ในฐานะดินแดนส่วนหนึ่งของรัสเซียในเร็วๆ นี้ ส่วนอีกร้อยละ 43 เชื่อว่าอาจต้องใช้เวลา 10 ปีหรือนานกว่านั้น กว่าที่ประชาคมโลกจะยอมรับในเรื่องนี้
ทั้งนี้ ผลสำรวจดังกล่าวซึ่งทำการรวบรวมความคิดเห็นจากกลุ่มตัวอย่างทั่วรัสเซีย รวมถึงในไครเมียจำนวน 1600 คน ยังพบว่าร้อยละ 89 ของกลุ่มตัวอย่าง “ไม่เห็นด้วย” ที่รัสเซียจะต้องยอมคืนดินแดนไครเมียให้กับยูเครน เพื่อแลกเปลี่ยนกับการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐอเมริกา และบรรดา“ประเทศลิ่วล้อ” โดยเฉพาะในยุโรปตะวันตก