รอยเตอร์ - รัฐสภารัสเซียมีมติเป็นเอกฉันท์ในวันนี้ (30 ก.ย.) ให้อำนาจประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เคลื่อนทัพในซีเรีย ความเคลื่อนไหวซึ่งที่ปรึกษาระดับสูงของเครมลินชี้แจงว่าเกี่ยวข้องกับกำลังทางอากาศเท่านั้น
รัสเซียกำลังปรากฏตัวทางทหารมากขึ้นเรื่อยๆ ในซีเรีย ประเทศซึ่งพวกเขาสนับสนุนกองกำลังรัฐบาลของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ในความขัดแย้งที่ผู้นำรายนี้ต่อสู้อยู่กับทั้งกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) และกลุ่มกบฏที่ตะวันตกหนุนหลัง
เซอร์เกย์ อิวานอฟ หัวหน้าคณะบริหารของเครมลิน กล่าวหลังจากการโหวตดังกล่าวในสภาสหพันธ์ (Federation Council) ซึ่งเป็นวุฒิสภาของรัฐสภารัสเซีย ว่า “ประธานาธิบดีซีเรียได้ร้องขอให้ประเทศของเราเป็นผู้นำในการช่วยเหลือทางทหาร”
อย่างไรก็ตาม เขากล่าวว่ามติดังกล่าวไม่ได้หมายความว่าทหารภาคพื้นของรัสเซียจะมีส่วนร่วมในความขัดแย้ง และว่า ความเคลื่อนไหวนี้เกี่ยวข้องกับการใช้กำลังทางอาการเท่านั้น
“หากจะมีกลุ่มพันธมิตรที่ร่วมมือกันซึ่งผมไม่แน่ใจนัก หรือไม่พ้นกลุ่มพันธมิตร 2 กลุ่ม คือ กลุ่มหนึ่งของอเมริกาและกลุ่มหนึ่งของรัสเซีย พวกเขาจะต้องประสานการปฏิบัติงานของพวกเขา” อิวาน โคโนวาลอฟ ผู้เชี่ยวชาญการทหารบอกกับรอยเตอร์
“เพื่อให้กองกำลังรัสเซียปฏิบัติการที่นั่นอย่างชอบธรรม กฎหมายมีความจำเป็น”
เมื่อผู้สื่อข่าวถาม เดมิทรี เปสคอฟ โฆษกวังเครมลินว่า รัสเซียสามารถรับประกันได้หรือไม่ว่าจะโจมตีทางอากาศเฉพาะกับกลุ่มไอเอสเท่านั้น เขาตอบว่า “เป้าประสงค์หลักคือต่อสู้กับการก่อการร้ายและสนับสนุนรัฐบาลที่ชอบธรรมในซีเรียสู้กับการก่อการร้ายและแนวคิดสุดโต่ง”
มีบางรายงานข่าวจากตะวันออกกลางระบุว่า เครื่องบินรบของรัสเซียได้เริ่มดำเนินการโจมตีทางอากาศในซีเรียแล้ว แต่ทางเครมลินปฏิเสธที่จะยืนยันรายงานดังกล่าว
ครั้งสุดท้ายที่รัฐสภาแดนหมีขาวให้อำนาจปูตินเคลื่อนกองทหารในต่างแดน อันเป็นข้อกำหนดทางเทคนิคภายใต้กฎหมายรัสเซีย คือตอนที่มอสโคยึดไครเมียจากยูเครนเมื่อปีที่แล้ว