xs
xsm
sm
md
lg

รบ.สิงคโปร์จ่อดำเนินคดีบ.กระดาษยักษ์ใหญ่ “เอพีพี” และ 4 บริษัทอิเหนาที่เป็นต้นตอ “เผาป่า”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เรือนักท่องเที่ยวล่องไปในอ่าวมารีนาเบย์ ท่ามกลางสภาพอากาศที่ปกคลุมไปด้วยหมอกควันจากไฟป่าอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 24 ก.ย.
เอเอฟพี - รัฐบาลสิงคโปร์ส่งหนังสือบอกกล่าวทางกฎหมาย (legal notice) ถึงบริษัทสัญชาติอินโดนีเซีย 5 แห่งที่เป็นตัวการเผาพื้นที่เกษตรกรรมบนเกาะสุมาตราและบอร์เนียว จนก่อวิกฤตมลพิษคุกคามสุขภาพพลเมือง ซึ่งอาจส่งผลให้บริษัทเหล่านี้ถูกดำเนินคดีและต้องจ่ายค่าชดเชยมหาศาล

รัฐบาลสิงคโปร์แถลงเมื่อค่ำวันศุกร์(25 ก.ย.)ว่า บริษัทสัญชาติอิเหนา 5 แห่งที่ถูกยื่น “โนติส” ในครั้งนี้ ยังรวมถึง เอเชีย พัลพ์ แอนด์ เพเพอร์ (เอพีพี) ซึ่งมีชื่อเสียงเรื่องการตัดไม้ทำลายป่าฝนเขตร้อนของอินโดนีเซีย

มาตรการเชิงรุกของทางการเกาะสิงห์มีขึ้น หลังรัฐบาลจาการ์ตาล้มเหลวในยับยั้งวิกฤตหมอกควันจากไฟป่าที่ลอยข้ามช่องแคบมะละกาไปรบกวนประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซียและสิงคโปร์มานานหลายปีต่อเนื่อง

เอพีพี ซึ่งอยู่ในกลุ่มบริษัท ซินาร์ มาส (Sinar Mas) เป็นหนึ่งในผู้ผลิตเยื่อกระดาษและผลิตภัณฑ์กระดาษรายใหญ่ของโลก และอ้างว่าการอนุรักษ์ผืนป่า “อย่างยั่งยืน” เป็นหลักในการดำเนินธุรกิจที่บริษัทยึดถือตลอดมา

สำนักงานสิ่งแวดล้อมแห่งชาติสิงคโปร์ได้ขอให้ เอพีพี จัดส่งข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทลูกที่ดำเนินงานอยู่ในสิงคโปร์และมาเลเซีย รวมถึงมาตรการต่างๆ ที่ซัพพลายเออร์ในอินโดนีเซียใช้เพื่อดับไฟป่าในเขตสัมปทานของเอพีพี

เอพีพี ซึ่งมีโรงงานผลิตกระดาษอยู่ในอินโดนีเซียและจีน ยังไม่ตอบรับคำขอสัมภาษณ์ของผู้สื่อข่าวเอเอฟพี

ภายใต้กฎหมายว่าด้วยมลพิษหมอกควันข้ามแดนปี 2014 (Transboundary Haze Pollution Act) รัฐบาลสิงคโปร์สามารถสั่งปรับเงินได้สูงสุด 100,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อวันจากบริษัทท้องถิ่นหรือต่างชาติที่ก่อมลภาวะ จนทำให้ค่ามลพิษในอากาศสูงถึงระดับที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยมีวงเงินค่าปรับสูงสุด 2,000,000 ดอลลาร์สิงคโปร์

สิงคโปร์ตั้งอยู่ใกล้เกาะสุมาตราของอินโดนีเซีย ซึ่งเกษตรกรที่นั่นมักจะใช้วิธีเผาป่าเพื่อเคลียร์พื้นที่การเกษตรสำหรับเตรียมเพาะปลูกรอบใหม่

สำหรับบริษัทอีก 4 แห่งที่ถูกฟ้องด้วย ได้แก่ ริมบา ฮูตานี มาส, เซอบังงุน บูมี อันดาลัส วูด อินดัสตรีส์, บูมี ศรีวิชัย เซ็นโตซา และ วาชิวนี มันดิรา ซึ่งทั้งหมดได้รับคำสั่งให้หามาตรการดับไฟที่กำลังเผาไหม้อยู่ในเขตสัมปทานของตน, ห้ามจุดไฟเผาป่าเพิ่ม และต้องจัดทำแผนป้องกันไฟป่าในอนาคตส่งให้ทางการทราบ

ทั้งนี้ กลุ่มบริษัท ซินาร์ มาส ยังมีธุรกิจผลิตน้ำมันปาล์ม ซึ่งถูกมองว่าเป็นสาเหตุสำคัญของไฟป่าในอินโดนีเซีย

รัฐบาลสิงคโปร์แถลงวานนี้ (25) ว่า “กำลังพิจารณาเพิ่มแรงกดดันทางเศรษฐกิจต่อบริษัทที่เป็นตัวการก่อปัญหา” ซึ่งอาจรวมถึงการทบทวนนโยบายจัดซื้อ

วิเวียน ภาลากฤษนัน รัฐมนตรีกระทรวงสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรน้ำสิงคโปร์ ชี้ว่าหมอกควันจากอินโดนีเซีย “เป็นปัญหาเรื้อรังมานานเกินไปแล้ว”

“นี่ไม่ใช่ภัยธรรมชาติ เพราะหมอกควันเกิดจากการกระทำของมนุษย์ ซึ่งเราไม่ควรที่จะทนยอมรับมันต่อไป ปัญหานี้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพพลเมือง สังคม และเศรษฐกิจในภูมิภาค” เขากล่าว

สิงคโปร์ประกาศภาวะฉุกเฉิน และสั่งปิดโรงเรียนประถม-มัธยมทั่วประเทศเมื่อวันศุกร์(25) หลังค่ามลพิษในอากาศพุ่งสูงถึงขีด “อันตราย”

ค่ามลพิษลดลงมาอยู่ในระดับ “ปานกลาง” วันนี้ (26) แต่หากกระแสลมเปลี่ยนทิศก็อาจทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงอีกอย่างรวดเร็ว

เจ้าหน้าที่สิงคโปร์ออกมาตอบโต้อย่างเผ็ดร้อน หลังรองประธานาธิบดี ยูซุฟ คัลลา แห่งอินโดนีเซีย พูดในทำนองว่า ประเทศเพื่อนบ้านควรจะ “สำนึกบุญคุณ” ที่มีอากาศบริสุทธิ์หายใจเกือบตลอดทั้งปี และจาการ์ตาก็ไม่จำเป็นต้องขอโทษเรื่องปัญหาหมอกควันที่เกิดขึ้นเพียงชั่วครั้งชั่วคราว

ทางการอิเหนาได้ส่งทหารและตำรวจราว 3,000 นายลงพื้นที่เกาะสุมาตราเพื่อดับไฟป่า โดยคาดว่าต้องใช้เวลาประมาณ 1 เดือนจึงจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้




กำลังโหลดความคิดเห็น