เอเอฟพี/ASTV ผู้จัดการ - กระทรวงการต่างประเทศไทย และกองกิจการฮัจญ์ เปิดเผยว่าไม่มีคนไทยได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากเหตุการณ์นักแสวงบุญเหยียบกันตายระหว่างร่วมพิธิฮัจญ์ในซาอุดีอาระเบียวันพฤหัสบดี (24 ก.ย.) หนึ่งในโศกนาฏกรรมครั้งเลวร้ายที่สุดที่เกิดขึ้นกับพิธีจาริกแสวงบุญประจำปีของชาวมุสลิม ที่ยอดเหยื่อล่าสุดพุ่งขึ้นเป็นอย่างน้อย 717 ศพแล้ว
ในถ้อยแถลงที่เผยแพร่ผ่านทวิตเตอร์ กระทรวงการต่างประเทศของไทยระบุว่า ตามที่เกิดเหตุผู้แสวงบุญฮัจญ์เหยียบกันตายเพราะความแออัดนครเมกกะนั้น สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองเจดดาห์ แจ้งว่ายังไม่มีรายงานคนไทยได้รับผลกระทบ เนื่องจากสถานที่เกิดเหตุไม่ใช่พื้นที่ที่เตรียมไว้สำหรับผู้แสวงบุญจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อย่างไรก็ตาม ทางกงสุลใหญ่จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป
ด้านนายอับดุลฮาลิม มินซาร์ ผู้อำนวยการกองกิจการฮัจญ์ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจไม่มีคนไทยเสียชีวิต อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบอย่างละเอียดว่ามีคนไทยรวมอยู่ด้วยหรือไม่ เนื่องจากสถานการณ์ยังไม่นิ่ง เพราะเส้นทางระหว่างไปขว้างเสาหินแบ่งเป็นหลายเส้นทางตามทวีป และเบื้องต้นได้รับรายงานว่าเส้นทางที่เกิดเหตุเป็นคนละเส้นทางกับที่คนไทยใช้ ดังนั้นจึงคาดว่าอาจไม่มีคนไทยเสียชีวิต
ต่อมาทางสำนักงานกิจการฮัจญ์แห่งประเทศไทยชี้แจงว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นบริเวณถนนสาย 204 เส้นทางหนึ่งที่นำไปสู่การขว้างเสาหินในตำบลมีนา และบริเวณดังกล่าวเป็นที่พำนักและเป็นเส้นทางของผู้แสวงบุญจากกลุ่มประเทศอื่นใช้ในการเดินทางไปขว้างเสาหิน ในขั้นที่ 1 ของอาคารขว้างเสาหินสำหรับผู้แสวงบุญชาวไทยและผู้แสวงบุญในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะพำนักอยู่ด้านข้างของตำบลมีนา ในบริเวณที่เรียกว่า “มุอัยซิม” และต้องเดินทางลอดอุโมงค์เพื่อไปสู่การขว้างเสาหินในชั้นที่ 3 ของอาคารขว้างเสาหินซึ่งมีทั้งหมด 4 ชั้น
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดในพื้นที่และเส้นทางไปขว้างเสาหินของผู้แสวงบุญไทย และไม่ปรากฏผู้แสวงบุญไทยเสียชีวิต หรือบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าวแต่ประการใด สำนักงานกิจการฮัจญ์แห่งประเทศไทยระบุ
ศูนยฺป้องกันพลเรือนของซาอุดีอาระเบียเผยว่า โศกนาฏกรรมคราวนี้ซึ่งเกิดขึ้นขณะนักแสวงบุญกำลังหลั่งไหลเพื่อไปปาก้อนหินใส่เสาหิน (เปลี่ยนเป็นกำแพงหินในปี 2004) อันเป็นสัญลักษณ์ของซาตานความชั่วร้าย ถือเป็นอุบัติเหตุนองเลือดครั้งที่ 2 ในระยะเวลาห่างกันแค่ 2 สัปดาห์ที่เกิดขึ้นกับนักแสวงบุญที่เข้าร่วมพิธีฮัจญ์ในปีนี้ ตามหลังเครนถล่มที่แกรนด์มัสยิดของนครเมกกะ
ทางศูนย์ป้องกันพลเรือนของซาอุดีอาระเบียเผยว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตล่าสุดอยู่ที่ 717 ศพ บาดเจ็บอย่างน้อย 863 คน อย่างไรก็ตาม คาดหมายว่ายอดเหยื่อจะสูงกว่านี้เนื่องจากเวลานี้เจ้าหน้าที่ยังคงกำลังนับศพผู้เสียชีวิตอยู่
สำนักข่าวซาอุดีเพรสรายงานว่า ปรินซ์ โม ฮัมหมัด บิน นาเยฟ เจ้าชายซาอุดีอาระเบีย ซึ่งทรงเป็นประธานคณะกรรมการฮัจญ์ของซาอุฯ ทรงรับสั่งให้ดำเนินการสืบสวนเหตุเหยียบกับตายคราวนี้ระหว่างประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่มีหน้าที่รับผิดชอบพิธีจาริกแสวงบุญในเมืองมีนา
อิหร่านบอกว่า มีพลเมืองของพวกเขาเสียชีวิตอย่างน้อย 43 คน และกล่าวหาความบกพร่องด้านมาตรการรักษาความปลอดภัยของซาอุดีอาระเบียว่าเป็นต้นตอของอุบ้ติเหตุ แต่ทางคาเลด อัล-ฟาลีห์ รัฐมนตรีสาธารณสุขของริยาด ตอบโต้กล่าวโทษไปยังตัวเหล่านักแสวงบุญเองที่ไม่ยอมปฏิบัติตามกฎระเบียบที่ทางเจ้าหน้าที่กำหนดไว้
“นักแสวงบุญจำนวนมากเคลื่อนพลโดยไม่เคารพต่อตารางเวลาที่กำหนดไว้สำหรับประกอบพิธีฮัจญ์ ถ้านักแสวงบุญปฏิบัติตามคำสั่ง อุบัติเหตุลักษณะนี้ก็อาจหลีกเลี่ยงได้” เขากล่าว พร้อมประกาศดำเนินการสืบสวนอย่างโปร่งใสและรวดเร็ว
เหตุเหยียบกันตายคราวนี้เริ่มต้นตอนเวลา 09.00 น.(ตรงกับเมืองไทย 13.00 น.) ไม่นานหลังจากศูนย์ป้องกันพลเรือนระบุผ่านทวิตเตอร์ว่ากำลังจัดการกับฝูงชนจำนวนมากในเมืองมีนา ห่างจากนครเมกกะราว 5 กิโลเมตร
เหล่านักแสวงบุญหลายแสนคนมาบรรจบกันที่เมืองมีนาในวันพฤหัสบดี (24 ก.ย.) เพื่อผู้ขว้างก้อนหินก้อนกรวดเข้าใส่เสาหินขนาดใหญ่ 3 ต้นที่เป็นตัวแทนของซาตาน อันเป็นพิธีกรรมหลักสุดท้ายของพิธีฮัจญ์ ซึ่งจะสิ้นสุดลงในวันอาทิตย์ (27 ก.ย.)
เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลรายหนึ่งบอกกับเอเอฟพีว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นบริเวณด้านนอกสะพานจามารัต จุดสำหรับปาก้อนหินใส่เสาหิน โดยพวกนักแสวงบุญกลุ่ใหญ่ที่กำลังเดินทางออกจากพื้นที่เดินสวนทางกับอีกกลุ่มที่มุ่งหน้าเข้ามา ทำให้เกิดการเบียดเสียดแล้วเหยียบกันตายในที่สุด