xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯหลี่บอกว่าจีนไม่ได้ต้องการทำสงครามค่าเงินตรา

เผยแพร่:   โดย: เอเชียอันเฮดจ์

(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.atimes.com)

Li says China doesn’t want a currency war
By Asia Unhedged
09/09/2015

นายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง ของจีน กล่าวปราศรัยเมื่อวันที่ 9 กันยายนที่ผ่านมาว่า จีนไม่ได้คิดจะปรับลดค่าเงินหยวนลงมาอีก แดนมังกรไม่ได้ต้องการทำสงครามค่าเงินตรา อีกทั้งทิศทางเศรษฐกิจของตนก็ยังคงเป็นไปในทางบวก

ประเทศจีนไม่คาดหมายว่าจะต้องมีการขยับปรับลดค่าเงินหยวนลงมาอีก นายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง ของจีน กล่าวในวันที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา พร้อมกับแจกแจงว่า เนื่องจากทิศทางอนาคตทางเศรษฐกิจของแดนมังกรยังคงอยู่ในทางบวก และจีนก็ไม่ได้ต้องการทำสงครามค่าเงินตรา

“ถ้าเกิดสงครามเงินตราขึ้นมาแล้ว มันก็ไม่เพียงแต่จะสร้างความบาดเจ็บเสียหายให้เฉพาะจีนเท่านั้น” หลี่ กล่าว “หากเงินหยวนยังคงลดค่าต่อไปเรื่อยๆ แล้ว แน่นอนทีเดียวว่ามันจะไม่ช่วยให้เงินตราสกุลนี้กลายเป็นเงินตราที่ได้รับการยอมรับในระดับระหว่างประเทศ นี่ย่อมไม่ใช่ความปรารถนาในเชิงนโยบายของเราเลย”

หลี่ พูดถึงเรื่องนี้ในระหว่างไปกล่าวปราศรัยที่เวทีการประชุมของ “เวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรัม” (World Economic Forum) ณ เมืองต้าเหลียน ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน โดยที่เขายังแสดงให้เห็นถึงความพยายามที่จะสร้างความมั่นใจให้แก่บรรดานักลงทุนว่า ความเสี่ยงฉกรรจ์ๆ ซึ่งเศรษฐกิจแดนมังกรเผชิญอยู่ตลอดช่วงหลายเดือนที่ผ่านมานั้น ได้รับการสยบคลี่คลายแล้ว และระบบการเงินของจีนมีเสถียรภาพ

ระยะเวลาสองสามเดือนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงฤดูร้อนของจีนนั้น ถือเป็นช่วงแห่งความปั่นป่วนอลหม่านจริงๆ หลังจากที่ดัชนีหุ้นสำคัญของแดนมังกรวิ่งทะยานขึ้นไป 150% แล้ว ตลาดก็เริ่มต้นการดำดิ่งลงมา 40% สภาวการณ์เช่นนี้ยิ่งพาให้ผู้คนบังเกิดความหวาดกลัวเกี่ยวกับอาการทางเศรษฐกิจของจีน ทั้งนี้มีการพยากรณ์อยู่ก่อนแล้วว่าอัตราเติบโตของแดนมังกรในปีนี้จะชะลอตัวลงอยู่ในระดับ 7% แต่ความผันผวนของตลาดหลักทรัพย์ทำให้ผวากันว่ามันกำลังอ่อนตัวลงอย่างรวดเร็วจนย่ำแย่กว่าที่คาดการณ์เป็นอย่างมาก ตัวเลขข้อมูลทางเศรษฐกิจด้านต่างๆ ซึ่งทยอยประกาศเผยแพร่ออกมา ล้วนย่ำแย่ลงกว่าที่คาดหมายกันไว้ จึงยิ่งเพิ่มทวีและเพิ่มความซับซ้อนให้แก่ความหวาดกลัวเหล่านี้ ครั้นแล้วในเดือนสิงหาคม รัฐบาลจีนก็ประกาศใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนที่เป็นการปล่อยให้ค่าเงินหยวนลอยตัว ซึ่งในทางพฤตินัยในเวลานี้ มันก็คือ การทำให้ค่าเงินหยวนลดลงนั่นเอง

“เราเชื่อว่ามันไม่มีพื้นฐานสำหรับการที่ค่าเงินเหรินหมินปี้ (ชื่ออย่างเป็นทางการของเงินหยวน -ผู้แปล) จะลดต่ำลงต่อไปอีก เนื่องจากจีนเองมีทุนสำรองเงินตราต่างประเทศอยู่ในปริมาณมหึมา” เขากล่าว ก่อนหน้าที่ หลี่ ออกมาพูดในคราวนี้ 2 วัน จีนก็เพิ่งเผยแพร่ข้อมูลซึ่งแสดงให้เห็นว่า ในเดือนสิงหาคม ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของจีนได้หดหายไปเป็นจำนวนสูงมากถึงขนาดเป็นสถิติใหม่ทีเดียว สืบเนื่องจากความพยายามที่จะทำให้ค่าเงินหยวนมีเสถียรภาพ

นายกรัฐมนตรีจีนยังยอมรับในคำปราศรัยคราวนี้ด้วยว่า เศรษฐกิจแดนมังกรกำลังชะลอตัวลง “รัฐบาลได้ดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อทำให้ตลาดมีเสถียรภาพ และป้องกันไม่ให้ความเสี่ยงต่างๆ กระจายตัวออกไป เราได้คลี่คลายความเป็นไปได้ของการเกิดความเสี่ยงเชิงระบบไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงเชิงระบบใดด้านใดก็ตามที” หลี่บอก “ผลประกอบการทางเศรษฐกิจของประเทศจีนนั้นยังคงมีเสถียรภาพเพื่อพิจารณาในแง่องค์รวม ถึงแม้มีการหดตัวลงในระดับปริมาณหนึ่ง แนวโน้มโดยองค์รวมก็ยังคงเป็นบวก ถึงแม้เราต้องเผชิญกับความยากลำบากในด้านต่างๆ”

นอกจากนั้นเขากล่าวด้วยว่า รัฐบาลจีนจะ “ปรับเปลี่ยนรายละเอียด” นโยบายด้านต่างๆ ของตน เพื่อให้สามารถสนับสนุนเศรษฐกิจได้ดียิ่งขึ้น

(จากคอลัมน์ Asia Unhedged ในเอเชียไทมส์)

หมายเหตุผู้แปล

คำปราศรัยในวันที่ 9 กันยายนของนายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง คราวนี้ มีขึ้นหลังจากที่ช่วงสุดสัปดาห์ก่อนหน้านั้น (วันที่ 4-5 กันยายน) ซึ่งมีการประชุมระดับรัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางของกลุ่ม 20 ประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของโลก (จี20) ที่กรุงอังการา, ตุรกี รัฐมนตรีคลัง แจ๊ก ลิว ของสหรัฐฯ และรัฐมนตรีคลัง ทาโร อาโสะ ของญี่ปุ่น มีความพยายามที่จะให้ที่ประชุมพิจารณาและออกแถลงการณ์ที่เป็นการปรามการลดค่าเงินหยวนของจีน ทว่าหลายประเทศกลับแสดงความเห็นด้วยในเชิงหลักการกับการปล่อยเงินค่าตราลอยตัวของจีนในคราวนี้ (ดูรายละเอียดข่าวนี้ได้ที่http://www.thefiscaltimes.com/latestnews/2015/09/05/G20-eyes-faster-economic-reforms-cheap-credit-not-enough-growth)

ท่าทีของกระทรวงการคลังสหรัฐฯเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวเรื่องค่าเงินหยวนของจีนนี้ อยู่ในอาการกลับไปกลับมาอย่างน่าสังเกต ดังที่ เอเชียอันเฮดจ์ ได้ชี้เอาไว้ในรายงานชิ้นที่เผยแพร่ตั้งแต่วันที่ 3 กันยายน จึงขอเก็บความนำมาเสนอ ดังนี้:

ช่างยากเย็นเสียจริงที่สหรัฐฯจะกล่าวชมเชยนโยบายเงินตราของจีน
โดย เอเชียอันเฮดจ์

(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.atimes.com)

Why is it so hard for the US to praise China’s currency policy?
By Asia Unhedged
03/09/2015

ในรายงานข่าวชิ้นหนึ่งซึ่งออกเผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัล ยอมรับอย่างกล้ำกลืนฝืนทนว่า การตัดสินใจในเดือนสิงหาคมของจีนที่ลดค่าสกุลเงินตราของตนเองนั้น ได้รับคำยกย่องชมเชยจากพวกนักวิเคราะห์ชาวต่างประเทศ, ไอเอ็มเอฟ, และแม้กระทั่งเจ้าหน้าที่บางคนในกระทรวงการคลังของสหรัฐฯเอง

รายงานชิ้นนี้ของวอลล์สตรีทเจอร์นัล อ้างอิงถึงคำแถลงของไอเอ็มเอฟฉบับหนึ่งที่ออกมาตั้งแต่กลางเดือนสิงหาคมแล้ว ซึ่งระบุว่า กลไกใหม่ที่จีนนำมาใช้เพื่อกำหนดอัตราอ้างอิงกลางสำหรับสกุลเงินตราของตนนั้น “ดูจะเป็นก้าวเดินที่ควรให้การต้อนรับ” เนื่องจากเป็นการปูพื้นสำหรับให้พลังของตลาดได้แสดงบทบาทเพิ่มมากขึ้นในการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินตรา อันที่จริงแล้ว เจ้าหน้าที่รับผิดชอบบางคนในกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้เริ่มกล่าวชมเชยจุดยืนเรื่องค่าเงินของจีนมาตั้งนานแล้วอาจจะย้อนหลังไปจนถึงเดือนเมษายนทีเดียว และด้วยเหตุนี้พอแดนมังกรลดค่าเงินหยวนในเดือนสิงหาคม ทางกระทรวงจึงแสดงท่าทีตอบสนองแบบระมัดระวังและนุ่มนวล ในเวลาเดียวกันนั้น ท่าทีเช่นนี้ก็ยังเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความสนับสนุนระหว่างประเทศที่กำลังเพิ่มทวีขึ้นเรื่อยๆ ต่อความเคลื่อนไหวคราวนี้

“การเดินหมากเรื่องสกุลเงินตราคราวนี้ ทำให้รัฐบาลจีนยืนอยู่ในตำแหน่งซึ่งสามารถกดดันเรียกร้องให้เงินหยวนมีบทบาทในทางระหว่างประเทศมากขึ้น ในระหว่างการออกตระเวนสู่ต่างแดน ทั้งการประชุมครั้งต่างๆ อย่างต่อเนื่องเป็นชุดใหญ่ของกลุ่ม จี-20 (กลุ่ม 20 ประเทศเจ้าของเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของโลก) ซึ่งเริ่มต้นขึ้นในสัปดาห์นี้ และการเดินทางไปเยือนกรุงวอชิงตัน (ของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง) ในช่วงปลายเดือน (กันยายน) นี้” รายงานข่าวของวอลล์สตรีทเจอร์นัลระบุ ขณะเดียวกัน มันก็ยังกำลังเป็นเครื่องหนุนเสริมความพยายามของจีนที่จะให้เงินหยวนได้รับการบรรจุเพิ่มเข้าไปในตะกร้าสกุลเงินสำรองของไอเอ็มเอฟอีกด้วย

รายงานข่าวของวอลล์สตรีทเจอร์นัลยังอ้างอิงความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากที่กล่าวว่า จีนกำลังช่วยเหลือสหรัฐฯด้วยการยึดมั่นกระทำตามคำสัญญาผูกพันของตนในเรื่องเงินตรา โดยกำลังทำให้สกุลเงินตราของตนมีความเกี่ยวข้องโยงใยกันตลาดมากขึ้น, กำลังยกระดับสินค้าส่งออกของจีน, และกำลังจำกัดการแทรกแซงค่าเงินตราของจีนให้อยู่แค่เพียงช่วงเวลา “ที่มีความจำเป็นเนื่องจากภาวะตลาดอยู่ในสภาพไร้ระเบียบ”

คราวนี้ก็มาถึงส่วนที่เป็นการทำลายบรรยากาศอันดีงามกันมั่ง วอลล์สตรีทเจอร์นัลเขียนเอาไว้ดังนี้: “อย่างไรก็ตาม การยกย่องชมเชยเหล่านี้บังเกิดขึ้นภายในบริบทแห่งความยากลำบาก การชะลอตัวของจีนตลอดจนการเกิดความเสี่ยงขาลงประการอื่นๆ อยู่แล้วอีกจำนวนหนึ่ง กำลังคุกคามที่จะฉุดดึงเศรษฐกิจโลกให้จมลงสู่ความเดือดร้อนดิ่งลึกลงไปอีก โดยที่บรรดาเศรษฐกิจรายใหญ่ที่สุดของโลกไม่ได้มีการดำเนินปฏิบัติการอย่างประสานกันเพื่อคลี่คลายรับมือ” หนังสือพิมพ์ฉบับนี้อ้างอิงเนื้อหาของรายงานประเมินสถานการณ์อีกฉบับหนึ่งของไอเอ็มเอฟที่นำออกเผยแพร่ในวันพุธ (2 ก.ย.)

ดูจะเข้าทำนอง “อย่าได้แสดงอาการผ่อนปรนใจดีกับจีนจนเกินไป” เสียจริงๆ ถึงอย่างไร นี่แหละคือประเทศซึ่งทำให้พวกนักลงทุนผู้น่าสงสาร ต้องสติแตกด้วยความหวาดผวาเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจที่กำลังชะลอลงกันอยู่แล้ว

รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ แจ๊ก ลิว (Jack Lew) ก็ดูเหมือนกำลังถอยหลังออกมาจากท่าทีก่อนหน้านี้ของกระทรวงของเขาซึ่งเคยแสดงการชมเชยแบบยั้งๆ ออมๆ เอาไว้เกี่ยวกับความเคลื่อนไหวเรื่องเงินหยวน โดยมาถึงตอนนี้ เขาประกาศว่าสหรัฐฯจะเรียกร้องให้จีนต้องแสดงความรับผิดชอบเกี่ยวกับผลกระทบทั้งทางการเมืองและทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากนโยบายเงินตราของแดนมังกร ภายหลังการลดค่าเงินหยวนในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา

“พวกเขาจำเป็นที่จะต้องทำความเข้าใจ และผมจะย้ำประเด็นนี้ต่อพวกเขาอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง ว่ามันมีความเป็นจริงทางเศรษฐกิจและทางสังคมอยู่ด้วย จากเรื่องอย่างอัตราแลกเปลี่ยนนี่” ลิว กล่าวในการให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์ซีเอ็นบีซี เมื่อวันพฤหัสบดี (3 ก.ย.)

“พวกเขาจำเป็นที่จะต้องทำความเข้าใจว่า การลงมือทำของพวกเขาและวิธีในการประกาศเรื่องนี้ของพวกเขานั้น มันคือการที่พวกเขากำลังส่งสัญญาณแสดงเจตนาของพวกเขาออกมาด้วย” เขากล่าว โดยกำลังพาดพิงถึงเรื่องที่ตลาดการเงินในช่วงต้นๆ ที่ทราบข่าวจีนลดค่าเงินหยวนนั้น อยู่ในภาวะแตกตื่นอลหม่าน ลิวยัพูดต่อไปว่า พวกเจ้าหน้าที่รับผิดชอบของจีน “จำเป็นที่จะแสดงออกมาอย่างชัดเจนมากๆ ว่า พวกเขายังคงกำลังเคลื่อนไปในทิศทางที่เป็นบวก และเราก็จะคอยเฝ้าติดตามให้พวกเขาแสดงความรับผิดชอบในเรื่องนี้”

เอเชียอันเฮดจ์ คิดว่า ลิว กำลังปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมต่อจีน เพื่อปกปิดจุดประสงค์ทางการเมืองเบื้องลึกของเขาเอง ในเมื่อ ลิว ยอมรับว่าฝ่ายจีนกำลังเคลื่อนไปในทิศทางที่เป็นบวก แต่แล้วกลับออกมาพูดสำทับข่มขู่ว่า “คุณต้องทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ นะ ไม่ยังงั้นละน่าดู!”

ด้วยเหตุนี้คุณจึงไม่สามารถประณามกล่าวโทษพวกหน่วยงานกำกับตรวจสอบในปักกิ่งได้อย่างเต็มปากเต็มคำหรอก ที่แสดงความโกรธเกรี้ยวใส่สหรัฐฯอยู่เป็นประจำ
(จากคอลัมน์ Asia Unhedged ในเอเชียไทมส์)
กำลังโหลดความคิดเห็น