เอพี - สื่อต่างประเทศรายงานในวันจันทร์ (14 ก.ย.) เกิดการขัดคอกันระหว่างเจ้าหน้าที่ไทยและตุรกี เมื่อเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลอังการาออกมาปฏิเสธข่าวผู้ต้องสงสัยหลักของเหตุระเบิดบริเวณศาลพระพรหมเอราวัณหลบหนีไปยังตุรกี หลังก่อนหน้านี้ตำรวจในกรุงเทพฯ อ้างข้อมูลรวบรวมได้ พบชายคนดังกล่าวเดินทางผ่านหลายชาติ ก่อนไปจบที่อิสตันบูล อันเป็นจุดหมายปลายทางสุดท้ายของผู้ต้องสงสัย
ในรายงานของสำนักข่าวเอพี อ้างคำสัมภาษณ์ของตำรวจไทยบอกว่าผู้ต้องสงสัยหลักของเหตุระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์ คร่าชีวิตผู้คน 20 ศพ หลบหนีไปเข้ายังตุรกีแล้ว นับเป็นอีกหนึ่งเงื่อนงำที่บ่งชี้ว่าการโจมตีดังกล่าวอาจเป็นฝีมือของสมาชิกชนกลุ่มน้อยอุยกูร์ซึ่งได้รับความเห็นอกเห็นใจในตุรกี
อย่างไรก็ตาม เอพีอ้างเจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสรายหนึ่งของรัฐบาลตุรกี เปิดเผยกับพวกเขาผ่านอีเมล โดยไม่ประสงค์เอ่ยนามตามนโยบายของทางสำนักงาน ปฏิเสธว่าชายคนดังกล่าวไม่ได้หลบหนีเข้าประเทศมา “ไม่มีบันทึกผู้ต้องสงสัยเข้ามาในตุรกี นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ไทยก็ไม่เคยแจ้งกับเราว่ามีผู้ต้องสงสัยก่อการร้ายกำลังเดินทางมายังตุรกีเลย”
เอพีรายงานก่อนหน้านี้ตำรวจไทยระบุว่าชายคนดังกล่าวถือพาสปอร์ตจีนในชื่อ นายอบูดูเราะห์มาน อาบูดูซาตาร์ อาจเป็นผู้บงการเหตุระเบิดเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ขณะที่หน่วยสืบสวนเผยว่าผู้ต้องสงสัยเดินทางออกจากไทยไปยังบังกลาเทศในวันที่ 16 สิงหาคม และทางตำรวจคาดเดาว่าบางทีเขาอาจเดินทางไปยังจีน
กระนั้น พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกตำรวจ เผยว่า จากการรวบรวมข้อทูลของตำรวจไทยและเจ้าหน้าที่บังกลาเทศ พบว่าชายคนนี้เดินทางออกจากกรุงธากา เมืองหลวงของบังกลาเทศ ในวันที่ 30 สิงหาคม และเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางเมืองอิสตันบูล ของตุรกี โดยผ่านนิวเดลีและอาบู อาบี
“เขาออกจากธากาในวันที่ 30 สิงหาคม ไปยังเดลี ด้วยสายการบินเจ็ต แอร์เวย์ส” เอพีอ้างคำพูดของ พล.ต.ท.ประวุฒิ “จากเดลี เขาเดินทางต่อไปยังอาบูดาบี และจากอาบูดาบี เขาเดินทางไปที่อิสตันบูล ในวันที่ 31 สิงหาคม และชัดเจนว่ามันคือจุดหมายปลายทางสุดท้ายของเขา”
ความคืบหน้าในการสืบสวนดังกล่าวเกื้อหนุนทฤษฎีว่ากลุ่มที่อยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดน่าจะเป็นพวกอุยกูร์จากแคว้นซินเจียงของจีน ซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับจีน และในบรรดาผู้ต้องสงสัย 12 คนที่ถูกออกหมายจับ เชื่อว่ามีหลายคนเป็นชาวตุรกี
ทางการไทยชี้ว่า พวกอยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดอาจมาจากแก๊งที่เกี่ยวข้องการลักลอบพาชาวอุยกุร์เข้าเมืองผิดกฎหมาย แต่ก็มีบางส่วนคาดเดาว่าบางทีอาจเป็นฝีมือของพวกแบ่งแยกดินแดนหรืออิสลามิสต์หัวรุนแรงที่โกรธเคืองไทยจากกรณีบังคับเนรเทศชาวอุยกูร์มากกว่า 100 คนไปยังจีนในเดือนกรกฎาคม
คำชี้แจงของตุรกี มีขึ้นในวันเดียวกับที่ คาลิด อาบู บาการ์ หัวหน้าจเรตำรวจแห่งชาติมาเลเซีย แถลงถึงการควบคุมตัวชาวปากีสถาน 1 คน และมาเลเซีย 2 คนเมื่อหลายวันก่อน ฐานต้องสงสัยอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดใจกลางกรุงเทพฯ หลังได้รับแจ้งมาจากเจ้าหน้าที่ไทย
คาลิด อาบู บาการ์ ไม่ได้ให้รายละเอียดหรือระบุว่าทั้ง 3 คนถูกควบคุมตัวอยู่ที่ไหน เมื่อไหร่ที่พวกเขาจะถูกตั้งข้อหาอย่างเป็นทางการและพวกเขาต้องเผชิญข้อหาใดบ้าง โดยเพียงแต่บอกว่าตำรวจมาเลเซียจะดำเนินการสอบสวนและทำงานร่วมกับตำรวจไทยในประเด็นเกี่ยวกับผู้ถูกจับกุมตัวเหล่านี้
รายงานของเอพีระบุตำรวจไทยเผยว่า ชายที่เป็นคนวางระเบิดอาจหลบหนีข้ามชายแดนทางใต้เข้าไปยังมาเลเซีย แต่ คาลิด ปฏิเสธคาดเดาถึงเรื่องดังกล่าว
ในส่วนของ พล.ต.ท.ประวุฒิยืนยันว่า ตำรวจไทยเป็นฝ่ายแจ้งไปยังมาเลเซียว่าอาจมีผู้ต้องสงสัยบางคนหลบหนีเข้าไปยังแดนเสือเหลือง จากนั้นตำรวจมาเลเซียก็ดำเนินการสืบสวนและจับกุมผู้ต้องสงสัยเหล่านั้น ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับการลักลอบพาคนเข้าเมืองผิดกฎหมายและบางทีคนเหล่านี้อาจมีข้อมูลบางอย่าง
“อย่างไรก็ตาม เรายังไม่สามารถยืนยันอะไรได้ เบื้องต้น พวกเขาถูกจับกุมฐานต้องสงสัยเกี่ยวกับลักลอบขนผู้ย้ายถิ่นฐานผิดกฎหมาย พวกเขาจะเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดของเราหรือไม่ ต้องรอดูกันต่อไป” พล.ต.ท.ประวุฒิเปิดเผยกับเอพี