เอเอฟพี - ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุเครนก่อสร้างขนาดใหญ่ล้มลงทับแกรนด์มัสยิดของนครเมกกะ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของชาวมุสลิมในซาอุดีอาระเบีย ท่ามกลางสภาพอากาศพายุฝนฟ้าคะนองในวันศุกร์ (11 ก.ย.) เพิ่มเป็นอย่างน้อย 107 ศพ ไม่กี่วันก่อนหน้าที่พิธีฮัจญ์ประจำปีจะเริ่มต้นขึ้น
สำนักงานป้องกันภัยพลเรือนระบุบนทวิตเตอร์ปรับเพิ่มยอดผู้เสียชีวิตรอบล่าสุดจาก 87 คนเป็น 107 คน และบาดเจ็บ 238 คน พร้อมะบุว่าทีมฉุกเฉินถูกส่งไปยังจุดเกิดเหตุเครนล้มลงใส่แกรนด์มัสยิด หนึ่งในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของชาวอิสลามแล้ว
เหตุการณ์น่าสลดนี้เกิดขึ้นราว 1 ชั่วโมงหลังจากหน่วยงานแห่งนี้เพิ่งเขียนลงทวิตเตอร์ว่านครเมกกะต้องเผชิญกับภาวะฝนตกปานกลางถึงหนักและโพสต์ภาพฟ้าผ่าบนสื่อสังคมออนไลน์
ซาอุดีเพรส สำนักข่าวแห่งรัฐ อ้างคำสัมภาษณ์ของอาห์เมด บิน โมฮัมหมัด อัล-มันซูรี โฆษกของมัสยิด บอกว่าเครนถล่มลงมาบางส่วนตอนเวลา 17.10 น.(ตรงกับเมืองไทย 21.10 น.) ผลจากลมกระโชกแรงและฝนตกหนัก สอดคล้องกับคำบอกเล่าของนายอับเดล อาซิซ นากูร์ ซึ่งกำลังทำงานอยู่ที่มัสยิดตอนเกิดเหตุ ที่เผยกับเอเอฟพีว่าเครนถล่มลงมาหลังถูกพายุถาโถมอย่างรุนแรง
แกรนด์มัสยิดเป็นที่ตั้งของกะอ์บะฮ์ อาคารทรงลูกบาศก์ ก่อสร้างด้วยก้อนหินที่ตัดเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ซึ่งชาวมุสลิมทั่วโลกจะสวดมนต์ภาวนาที่หันไปทางสิ่งศักดิ์สิทธิ์โบราณแห่งนี้
ภาพที่ถูกเผยแพร่บนสื่อสังคมออนไลน์พบเห็นศพที่เต็มไปด้วยเลือดกระจัดกระจายอยู่ทั่วลานมัสยิด นักแสวงบุญบางส่วนเสื้อผ้าเปื้อนไปด้วยคราบเลือด และชิ้นส่วนเครนดูเหมือนจะทะลุเพดานลงมาใส่อาคารที่มีความสูงหลายชั้น
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นก่อนหน้าที่มุสลิมหลายล้านคนจากทั่วโลกจะมารวมตัวกันประกอบพิธีฮัจญ์ ซึ่งจะเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 21 กันยายนนี้ ขณะเดียวกันก็เป็นปกติที่ในวันศุกร์ แกรนด์มิสยิดจะคราคร่ำไปด้วยผู้คน เนื่องจากเป็นวันสวดมนต์ประจำสัปดาห์ของชาวมุสลิม
เจ้าชายคาเลด อัล-ไฟซาล ผู้ว่าการเขตการปกครองนครเมกกะ รุดลงพื้นที่เกิดเหตุและสั่งการให้สืบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ด้านอีร์ฟาน อัล-อลาวี ผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิวิจัยมรดกอิสลาม ซึ่งมีสำนักงานในนครเมกกะ เปรียบเทียบโศกนาฏกรรมนี้ว่าราวกับว่ามัสยิดถูกถล่มด้วยระเบิด
นอกจากนี้แล้ว เขายังสันนิษฐานว่าสาเหตุส่วนหนึ่งน่าจะมาจากความละเลยของเหล่าเจ้าหน้าที่ ด้วยปล่อยให้มีเครนจำนวนมากอยู่ด้านบนของมัสยิด “พวกเขาไม่ใส่ใจอะไรกับมรดกสำคัญ พวกเขาไม่ใส่ใจประเด็นสุขอนามัยและความปลอดภัยใดๆ เลย” อัล-อลาวี บอกกับเอเอฟพี ขณะที่เหล่านักเคลื่อนไหวบนสื่อสังคมออนไลน์สร้างแฮชแทกบนทวิตเตอร์ร้องขอชาวเมกกะช่วยบริจาคเลือดตามโรงพยาบาลต่างๆ ในพื้นที่
เบื้องต้นยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับสัญชาติของเหยื่อ แต่สำนักข่าวไออาร์เอ็นเอ สื่อแห่งรัฐของอิหร่านรายงานโดยอ้างคำพูดของผู้อำนวยการองค์กรฮัจญ์ บอกว่ามีนักแสวงบุญชาวอิหร่าน 15 คนอยู่ในกลุ่มผู้ได้รับบาดเจ็บ และทั้งหมดเข้ารักษาตัวในฐานะผู้ป่วยนอก
ซาอุดีอาระเบียกำลังดำเนินโครงการขนาดยักษ์ขยายเนื้อที่ของมัสยิดอีก 400,000 ตารางเมตร เพื่อให้สามารถรองรับนักแสวงบุญได้สูงสุด 2.2 ล้านคน และด้วยเหตุนี้มัสยิดจึงรายล้อมไปด้วยเครนจำนวนมาก
พิธีฮัจญ์ หนึ่งในการรวมตัวทางศาสนามากที่สุดในโลก เคยประสบโศกนาฏกรรมหลายครั้งในอดีต ส่วนใหญ่เกิดจากเหตุเหยียบกันตาย เนื่องจากเหล่านักแสวงบุญพากันเร่งรีบประกอบพิธีกรรมให้เสร็จและจะได้กลับบ้าน โดยเฉพาะในปี 2006 ที่มีผู้เสียชีวิตจากการเหยียบกันตายหลายร้อยคน
นับตั้งแต่นั้นเจ้าหน้าที่ซาอุดีอาระเบียได้ทุ่มเงินมหาศาลขยายพื้นที่ต่างๆ ที่ใช้ประกอบพิธีฮัจญ์และปรับปรุงระบบขนส่งของนครเมกกะ ในความพยายามป้องกันไม่ให้เกิดโศกนาฏกรรมซ้ำรอยอีก