เอเอฟพี – สำนักงานข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (ซีไอเอ) ร่วมกับหน่วยรบพิเศษส่งอากาศยานไร้คนขับเข้าไปล็อกเป้าหมาย และปลิดชีพแกนนำกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในซีเรีย ซึ่งเป็นภารกิจลับที่แยกต่างหากจากปฏิบัติการโจมตีทางอากาศที่สหรัฐฯ ร่วมมือกับชาติพันธมิตร หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์รายงานวานนี้ (1 ก.ย.)
เจ้าหน้าที่ซึ่งให้ข้อมูลกับวอชิงตันโพสต์ ระบุว่า ปฏิบัติการโดรนของซีไอเอสามารถสังหารหัวโจกไอเอสไปได้แล้วหลายคน รวมถึง จูนาอิด ฮุสเซน แฮกเกอร์ชาวอังกฤษซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านไซเบอร์ระดับสูงของไอเอส
กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ชี้ว่า ฮุสเซน ทำหน้าที่ยุยงผู้ที่เห็นด้วยกับอุดมการณ์ของนักรบญิฮาดให้กลายเป็น “หมาป่าโดดเดี่ยว” โจมตีประเทศตะวันตก
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ บอกกับวอชิงตันโพสต์ว่า ศูนย์บัญชาการปฏิบัติการร่วมพิเศษ (JSOC) เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องการส่งโดรนออกไปโจมตีเป้าหมาย ส่วนซีไอเอทำหน้าที่หลักๆ เพียงการชี้ตัวและระบุที่อยู่ของผู้นำไอเอส โดยภารกิจนี้จะมุ่งสังหาร “เป้าหมายที่มีมูลค่าสูง” เท่านั้น
สื่อดังของสหรัฐฯ ชี้ว่า การที่วอชิงตันตัดสินใจมอบหมายให้ศูนย์ต่อต้านก่อการร้ายซีไอเอ (CTC) และ JSOC เข้ามามีส่วนช่วยกำจัดแกนนำไอเอส อาจสะท้อนให้เห็นว่า นักรบอิสลามกลุ่มนี้กำลังแพร่กระจายและขยายอิทธิพลอย่างกว้างขวาง
CTC เคยเป็นผู้นำในการติดตามร่องรอยของ อุซามะห์ บินลาดิน อดีตผู้นำสูงสุดของเครือข่ายอัลกออิดะห์ ส่วน JSOC ก็เป็นต้นสังกัดของหน่วยรบพิเศษทางเรือ “ซีล” ซึ่งบุกรุกน่านฟ้าปากีสถานอย่างเงียบเชียบจนสามารถเด็ดหัว บินลาดิน ได้สำเร็จ เมื่อปี 2011
การส่งโดรนออกไปโจมตีเป้าหมายยังคงเป็นที่ถกเถียงกันในวอชิงตัน โดยประธานาธิบดี บารัค โอบามา ต้องการให้ซีไอเอลดทอนภารกิจกึ่งทหารและกลับมาปฏิบัติหน้าที่สอดแนมหาข่าวกรองเป็นหลัก ส่วนการโจมตีเป้าหมายก็ยกให้เป็นงานของกระทรวงกลาโหม
อย่างไรก็ดี บาร์บารา เฟนสไตน์ ส.ว.เดโมแครตจากรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งอยู่ในคณะกรรมการข่าวกรองแห่งวุฒิสภา ระบุว่า ตนไม่มั่นใจว่าทหารจะสามารถควบคุมภารกิจโดรนโจมตีได้อย่าง “อดทนและรอบคอบ” เท่าซีไอเอ