รอยเตอร์/เอเอฟพี - ผู้ต้องสงสัยที่ก่อเหตุจ่อยิงสังหารผู้สื่อข่าวสาวและตากล้องของสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นดับเบิลยูดีบีเจ เครือข่ายของซีบีเอส ในมลรัฐเวอร์จิเนีย สหรัฐฯ เมื่อวันพุธ (26 ส.ค.) ลั่นไกหวังปลิดชีพตนเองไม่นานหลังถูกตำรวจไล่ล่า เชื่อกันว่าแรงจูงใจน่าจะมาจากปมถูกเลือกปฏิบัติทางผิวสีในที่ทำงาน
หลังจากเกิดเหตุตำรวจลงมือไล่ล่าผู้ต้องสงสัยทันที ขณะที่ความคืบหน้าของสถานการณ์นั้นค่อนข้างสับสน เบื้องต้นเครือข่ายสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นของเอบีซี และซีเอ็นเอ็น รายงานว่าผู้ต้องสงสัยลั่นไกใส่ตนเองจนเสียชีวิตแล้ว แต่ไม่นานทางดับเบิลยูดีบีเจและซีเอ็นเอ็นแก้ไขข้อมูลบอกว่าผู้ต้องสงสัยยังมีชีวิตอยู่ ทว่าอาการสาหัส
อย่างไรก็ตามในท้ายที่สุดแล้วทางสำนักงานนายอำเภอแฟรงกลิน เคาน์ตี มลรัฐเวอร์จิเนียและเจ้าหน้าที่ตำรวจ แถลงยืนยันว่าผู้ต้องสงสัยรายดังกล่าวไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล เนื่องจากทนพิษบาดแผลไม่ไหว
จากข้อมูลของนายทะเบียน ประจำสำนักงานนายอำเภอออกัสตา เคาน์ตี มลรัฐเวอร์จิเนีย ระบุผู้ต้องสงสัย คือ นายเวสเตอร์ ฟลานานแกน วัย 41 ปี หรือเป็นที่รู้จักในชื่อ บรูซ วิลเลียมส์
ตามหลังเหตุสังหารผู้สื่อข่าวและตากล้อง มีบางคนกล่าวอ้างว่าบันทึกภาพวินาทีสะเทือนขวัญไว้ได้และโพสต์มันลงบนสื่อสังคมออนไลน์ ส่วนอีกวิดีโอหนึ่งที่ดูเหมือนจะบันทึกโดยมือจู่โจมเองถูกโพสต์ลงบนทวิตเตอร์และเฟซบุ๊ก แต่ต่อมาคลิปเหล่านั้นได้ถูกลบทิ้งไป
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตอน 06.45 น.ตามเวลาท้องถิ่น (ตรงกับเมืองไทย 17.45 น.) โดย เอลิสัน ปาร์กเกอร์ ผู้สื่อข่าวสาวกำลังสัมภาษณ์ผู้หญิงคนหนึ่งเกี่ยวกับสถานการณ์ด้านการท่องเที่ยว ออกอากาศสดผ่านรายการข่าวยามเช้าของ WDBJ ตรงระเบียงรีสอร์ตบริดจ์วอเตอร์ บริเวณบริดจ์วอเตอร์ พลาซา แหล่งชอปปิ้งและสันทนาการ ตั้งอยู่ริมทะเลสาบของเมืองโมเนตา ใกล้ๆ กับโรอาโนค แต่ระหว่างนั้น จู่ๆ ก็มีมือปืนเดินประชิดเข้ามาจากด้านข้าง จากนั้นก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัดพร้อมเสียงกรีดร้อง ขณะเดียวกันกล้องของวอร์ดก็ตกลงสู่ฟื้น จับภาพมือปืนได้แค่เลือนๆ ที่เชื่อว่าน่าจะแต่งกายในชุดดำ ส่วนทางสถานีตัดภาพกลับไปยังผู้ประกาศข่าวที่สตูดิโอทันที
เอลิสัน ปาร์กเกอร์ วัย 24 ปี และอดัม วอร์ด ตากล้องวัย 27 ปี เสียชีวิตในเหตุการณ์นี้ ส่วนผู้หญิงที่ให้สัมภาษณ์นั้นได้รับบาดเจ็บ ขณะที่ทาง เทอร์รี แม็กออลีฟฟ์ ผู้ว่าการรัฐเวอร์จิเนีย ให้สัมภาษณ์กับสถานีวิทยุ WTOP ระบุผู้ต้องสงสัยรายนี้ว่าอาจเป็นพนักงานปัจจุบันหรืออดีตพนักงานที่มีปัญหากัน และต่อมาทาง WDBJ ได้ยืนยันว่านายฟลานาแกนเป็นอดีตลูกจ้างของสถานีที่ออกจากงานไปเมื่อ 2 ปีก่อน
สถานีโทรทัศน์แห่งนี้รายงานว่า นายฟลานาแกนลงมือยิงตัวเองขณะที่ตำรวจรัฐเวอร์จิเนียจี้ติดรถยนต์ที่เขาเช่ามาบนทางหลวงระหว่างรัฐสาย 66 ใน Fauquier เคาน์ตี พร้อมระบุว่าคนร้ายใช้รถยนต์เช่าหลบหนี หลังจากที่เขาจอดรถยนต์ของตนเองไว้ที่สนามบินโรอาโนค-แบล็กส์เบิร์กในตอนเช้าวันเดียวกัน
ตำรวจรัฐเวอร์จิเนียระบุในถ้อยแถลงว่าผู้ต้องสงสัยไม่ยอมหยุดรถหลังถูกเจ้าหน้าที่เรียกจอดและยังเร่งเครื่องหลบหนีด้วย “ไม่กี่นาทีต่อมา รถยนต์ของผู้ต้องสงสัยก็ตกถนนและประสบอุบัติเหตุ กองกำลังเจ้าหน้าที่รุดเข้าไปยังรถยนต์และพบว่าคนขับที่เป็นผู้ชายได้รับบาดเจ็บจากแผลถูกยิง”
ถ้อยแถลงบอกต่อว่า “เขาถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลใกล้เคียงเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บสาหัสเป็นตายเท่ากัน เชื่อว่าคนขับผู้ชายเป็นคนเดียวที่ก่อเหตุยิงคน 3 คนระหว่างการสัมภาษณ์สดทางโทรทัศน์ในตอนเช้าวันนี้ ”
เมื่อซีเอ็นเอ็นสอบถามว่า ทางสถานีเคยตกเป็นเป้าเล่นงานหรือถูกขู่โจมตีมาก่อนหรือไม่ ทาง เจฟฟรีย์ มาร์คส์ ผู้จัดการทัวไปของ WDBJ ตอบว่า “เป็นบางครั้งที่เราได้รับอีเมลบ้าๆ บอๆ หรือแปลกๆ และเราจะดำเนินการตรวจสอบ แต่ลักษณะของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เป็นอะไรที่เรานึกไม่ออกเลย”
ในส่วนของผู้ได้รับบาดเจ็บคือ วิกกี การ์เนอร์ กรรมการบริหารของสภาหอการค้าภูมิภาคสมิท เมาท์เทน เลก ที่กำลังให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับวาระครบรอบ 50 ปีการก่อตั้งและการท่องเที่ยวของสมิท เมาท์เทน เลก อย่างไรก็ตามโรงพยาบาลยังไม่ชี้แจงเกี่ยวกับอาการของเธอ
ทางสถานีดับเบิลยูดีบีเจ เผยว่า ปาร์คเกอร์ เติบโตในมาร์ตินสวิลล์ จบการศึกษาจากวิทยาลัยแพทริก เฮนรี และมหาวิทยาลัยเจมส์ เมดิสัน ส่วน วอร์ด จบการศึกษาจากโรงเรียนมัธยมซาเลมและมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนียเทค ทั้งนี้ที่น่าเศร้าไปกว่านั้นก็คือทั้งสองกำลังมีแผนแต่งงานกับคนรักของตนเอง
รายงานข่าวของรอยเตอร์ว่าระบุว่า ผู้ต้องสงสัยรายนี้เรียกตัวเองว่า “ถังดินปืนที่รอวันระเบิด” จากการที่ได้เห็นการเลือกปฏิบัติทางผิวสี ณ ที่ทำงานและสถานที่อื่นๆ ในสหรัฐฯ โดยนายฟลานาแกนได้ส่งแฟ็กซ์จำนวน 23 หน้ากระดาษ ราว 2 ชั่วโมงหลังก่อเหตุไปยังสำนักข่าวเอบีซี บอกว่าการโจมตีของเขามีแรงกระตุ้นจากเหตุกราดยิงโบสถ์ผิวสีในชาร์ลส์ตัน มลรัฐเซาท์แคโรไลนา ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 9 คน และชายผิวขาวถูกตั้งข้อหาในเหตุสังหารหมู่ดังกล่าว
สำนักข่าวเอบีซีอ้างแฟ็กซ์ของนายฟลานาแกน บอกว่าเขาถูกเลือกปฏิบัติทางผิวสี ล่วงละเมิดทางเพศและกดขี่ข่มเหงในสถานที่ทำงาน นอกจากนี้เขายังเคยถูกเล่นงานโทษฐานที่เป็นเกย์ผิวดำด้วย