เอเอฟพี - กลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) กดระเบิดทำลายซากวิหารเก่าแก่ “บาล ชามิน” ในเมืองพัลไมรา ซึ่งได้รับยกย่องจากองค์การเพื่อการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ให้เป็นเมืองมรดกโลก วานนี้ (23 ส.ค.) นับเป็นโบราณสถานแห่งล่าสุดในตะวันออกกลางที่ย่อยยับไปด้วยน้ำมือของนักรบญิฮาด
พัลไมราซึ่งยังมีซากโบราณสถานยุคกรีก-โรมันที่ยังคงสภาพสมบูรณ์อยู่เป็นจำนวนมาก ถูกพวกไอเอสยึดไปจากกองกำลังฝ่ายรัฐบาลซีเรียตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ซึ่งทำให้นักประวัติศาสตร์และโบราณคดีทั่วโลกเกรงว่า มรดกทางวัฒนธรรมอันประเมินค่ามิได้เหล่านี้อาจถูกทำลายไปเช่นเดียวกับที่ไอเอสได้กระทำกับโบราณสถานอื่นๆ ในซีเรียและอิรักมาแล้ว
ล่าสุดจนถึงเมื่อวานนี้ (23) ซากวิหารที่มีชื่อเสียงของพัลไมราส่วนใหญ่ยังคงปลอดภัยดี แม้จะมีรายงานว่าไอเอสได้นำระเบิดไปฝังไว้รอบๆ สถานที่เหล่านั้น และยังทำลายรูปปั้นสิงโตขนาดใหญ่ที่หน้าพิพิธภัณฑ์ในเมือง
“พวกไอเอสเอาระเบิดจำนวนมากไปติดตั้งไว้ที่วิหาร บาล ชามิน วันนี้ จากนั้นก็กดระเบิด ทำให้วิหารได้รับความเสียหายไปมาก” มามูน อับดุลการิม หัวหน้าฝ่ายโบราณวัตถุของซีเรีย ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพี โดยใช้คำว่า “ดาเอช” ซึ่งเป็นชื่อย่อของกลุ่มรัฐอิสลามในภาษาอาหรับ
“ภายในวิหารถูกทำลาย ส่วนเสาก็ถูกระเบิดล้มระเนระนาด”
ด้านศูนย์สังเกตการณ์สิทธิมนุษชนซีเรียซึ่งมีฐานในกรุงลอนดอน ยืนยันว่ามีการทำลายซากวิหาร บาล ชามิน เกิดขึ้นจริง
กลุ่มไอเอสซึ่งยึดครองพื้นที่กว้างขวางทั้งในซีเรียและอิรักได้บุกเข้ายึดพัลไมราไว้ได้ตั้งแต่วันที่ 21 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ทำให้ทั่วโลกหวั่นวิตกเกี่ยวกับอนาคตของเมืองโบราณที่ยูเนสโกยกย่องว่า “มีคุณค่าอย่างยิ่งในระดับสากล”
วิหาร บาล ชามิน สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 17 และถูกขยายต่อเติมในรัชสมัยของจักรพรรดิเฮเดรียนแห่งจักรวรรดิโรมันในปี ค.ศ. 130
สำหรับเมืองพัลไมราซึ่งแปลว่า “เมืองแห่งต้นปาล์ม” เป็นโอเอซิสที่ตั้งอยู่ห่างจากกรุงดามัสกัสไปทางตะวันออกเฉียงเหนือราว 210 กิโลเมตร และได้รับการขนานนามว่าเป็น “ไข่มุกแห่งทะเลทราย”
เมืองแห่งนี้เริ่มมีชื่อปรากฏในช่วงศตวรรษที่ 19 ก่อนคริสตกาล โดยเป็นจุดแวะพักของกองคาราวานที่ใช้เส้นทางสายไหม และผู้ที่เดินทางไป-มาระหว่างอ่าวเปอร์เซียกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน